รวบแล้วนักโทษชายชั้นดีเรือนจำนนทบุรี หลบหนีขณะเข็นขยะทิ้ง สารภาพอารมณ์ชั่ววูบคิดถึงพ่อ
เมื่อเวลา 17.00 น.วันที่ 11 ธ.ค.66 ที่ ร้าน หับเผย By เรือนท่านนท์ จ.นนทบุรี ดร.กลยุทธ พานาสันต์ ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดนนทบุรี เจ้าหน้าที่เรือนจำ ทัณฑสถาน เขต 10 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองสืบนนท์ เจ้าหน้าตำรวจที่ชุดสืบสวนสภ.เมืองนนทบุรี ร่วมกันจับกุมตัว น.ช.เกรียงไกร วิมลพิมพ์ อายุ 44 ปี นักโทษชั้นดีที่ได้เข้าร่วมโครงการหับเผยฝึกวิชาชีพ หลังหลบหนีเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา สามารถจับกุมตัวได้ที่ บริเวณป้ายรถเมล์ ย่านคลองประปา ถ.ประชาชื่น แขวง ทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. ทางเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ได้นำตัวขึ้นรถผู้ต้องขังส่งเรือนจำนนทบุรี หลังจากนำตัวเข้าเรือนจำทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองนนทบุรี จะดำเนินการลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน ในกรณีดังกล่าว ในส่วนนี้จะมีการเพิ่มโทษเพิ่ม 8 เดือน
สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 11 ธ.ค.66 น.ช.เกรียงไกร วิมลพิมพ์ อายุ 44 ปี นักโทษคดีครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย ซึ่งเป็นนักโทษชั้นดีที่ได้เข้าร่วมโครงการหับเผยฝึกวิชาชีพก่อนได้รับการปล่อยตัว วันที่ 22 มี.ค.2567 ได้หนีออกจากเรือนจำนนทบุรี ขณะที่กล้องวงจรปิดบันทึกภาพได้ขณะเดินเข็นรถเข็นขยะผ่านบริเวณหน้าเรือนจำนนทบุรี จากนั้นได้นำขยะไปทิ้งบริเวณข้างรถขยะ ก่อนเดินเท้าเข้าประตูทะลุไปบริเวณลานจอดรถ ก่อนจะเรียกรถ 3 ล้อ ให้ขับขี่ไปส่งภายในซอยเรวดี 1 โดยมีกล้องวงจรปิดบันทึกภาพขณะที่ น.ช.เกรียงไกร ได้มีการเปลี่ยนชุดนักโทษมาเปลี่ยนเป็นเสื้อแขนยาวลายสก๊อตเดินเท้าหลบหนีไป จนกระทั่งถูกจับได้บริเวณป้ายรถเมล์ ย่านคลองประปา ถ.ประชาชื่น แขวง ทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม.
ดร.กลยุทธ พานาสันต์ ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดนนทบุรี กล่าวว่า ตำรวจนนทบุรีและชุดจับได้ตั้งกองที่เรือนจำนนทบุรี และไปเจอผู้ต้องขังที่หลบหนีบริเวณป้ายรถเมล์ย่านประชาชื่น คาดว่าแรงจูงใจคืออารมณ์ชั่ววูบ ถ้ามีแรงกดดันคงออกมาตั้งแต่ 1 ปีแล้ว และผู้ต้องขังรายนี้กำลังจะพ้นโทษในวันที่ 22 มีนาคม 2567 ส่วนตรงนี้ต้องโดนโทษหลบหนีและเพิ่มโทษตามกฎหมายประมาณ 8 เดือน
โดยเบื้องต้นไม่เคยมีสัญญาณหรือสายล่วงหน้า ส่วนการออกมาภายนอกต้องดูตามชั้น ซึ่งเราสามารถจับกุมได้ระหว่างทางก่อนที่ผู้ต้องขังจะถึงบ้าน ส่วนการที่ผู้ต้องขังไปขอเงินชาวบ้าน คืออ้างว่าเขาพ้นโทษแล้วขอเงิน 200 บาท แต่ชาวบ้านให้มาแค่ 20 บาท ผู้ต้องขังรายนี้จึงเดินต่อไปเรื่อยๆ และตั้งใจกลับไปหาพ่อ เพราะผู้ต้องขังรายนี้มีพ่อแค่คนเดียวที่มาเยี่ยม
กรมราชทัณฑ์ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ แยกตามเคส ตามบริบท ผู้ต้องขังที่ออกมาทำงานที่ร้านหับเผยคือผู้ต้องขังชั้นดี และออกมาทำงานตรงนี้ตั้ง 1 ปี ซึ่งมีการคัดกรองเป็นหลัก คาดว่าเคสนี้ผู้ต้องขังเคยมีประวัติเสพยามาและอาจจะเป็นอารมณ์ชั่ววูบที่อยากจะกลับบ้าน.