ความคืบหน้ากรณีที่ชาวบ้าน ผู้ปกครองนักเรียน และเด็กนักเรียนโรงเรียนแห่งหนึ่ง ใน ต.บึงเจริญ อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ กว่า 200 คน ได้รวมตัวกันถือป้ายประท้วงที่บริเวณหน้าอาคารเรียน เพื่อเรียกร้องให้ตรวจสอบการบริหารงานของ ผอ.โรงเรียน โดยกล่าวหาว่า ผอ.มีพฤติกรรมหักหัวคิวเงินค่าอาหารกลางวันเด็กนักเรียน ที่ได้รับการอุดหนุนจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหัวละ 20 บาท รวมเป็นเงินเฉลี่ยวันละ 3,720 บาท แต่จ่ายค่าทำอาหารกลางวันเพียงวันละ 2,000 บาทเท่านั้น
ทำให้อาหารกลางวันไม่เพียงพอกับจำนวนนักเรียนที่มีอยู่ 186 คน จนเด็กพากันบ่นว่ากินไม่อิ่ม บางวันข้าวก็หมด คนที่มาทีหลังก็จะเหลือแต่น้ำแกงจืดให้กิน ซึ่งมีคลิปที่ผู้ปกครองถ่ายภาพน้ำแกงจืดไว้เป็นหลักฐานด้วย โดยชาวบ้าน ผู้ปกครองระบุว่าเป็นปัญหาแบบนี้มานานกว่า 2 ปีแล้ว ตั้งแต่ ผอ.คนดังกล่าวย้ายมาดำรงตำแหน่งที่โรงเรียน
ล่าสุด ครูในโรงเรียนก็ได้นำเอกสารเกี่ยวกับการเบิกจ่ายงบค่าอาหารกลางวัน ที่ ผอ.เป็นผู้นำไปดำเนินการเบิกจ่ายและจ้างเหมาทำอาหารกลางวันเอง ออกมาเปิดเผยว่า มีการจัดซื้ออาหารกลางวันไม่เต็มตามยอดที่ได้รับการอุดหนุนจากทางเทศบาล โดยแต่ละวันจะจ้างเหมาทำอาหารเพียง 2,000 บาท เท่านั้น ก็จะเป็นกับข้าววันละ 2 หม้อ ข้าวสวยวันละ 4-6 กิโลกรัม จากเดิมจะหุงข้าวสวยวันละ 8-10 กิโลกรัม และกับข้าววันละ 3 หม้อใหญ่ จึงจะเพียงพอกับจำนวนนักเรียน นอกจากเรื่องอาหารกลางวันเด็กแล้ว ยังมีพฤติกรรมซิกแซ็กอีกหลายโครงการ อยากให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพราะครูในโรงเรียนก็รู้สึกอึดอัดแต่ไม่สามารถจะทำอะไรได้
ด้านนายตึ้ม กาวิทาโร นายกเทศมนตรีตำบลบึงเจริญ เปิดเผยว่า ทางเทศบาลได้จ่ายเงินอุดหนุนค่าอาหารกลางวันให้ทางโรงเรียน วันละ 3,720 บาท ตามจำนวนนักเรียน แต่จากข้อมูลพบว่า มีการเบิกจ่ายนำไปจัดซื้ออาหารกลางวันจริงแค่วันละ 2,000 บาท ส่วนอีก 1,700 บาท ไม่รู้ว่าหายไปไหนและเอาไปทำอะไร เบื้องต้นทราบว่าทาง ผอ.เป็นผู้บริหารจัดการเงินค่าอาหารกลางวันเองทั้งหมด ทางเทศบาล กรรมการสถานศึกษา และผู้ปกครองนักเรียน จึงได้ทำเรื่องให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 2 ต้นสังกัดตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว และช่วงที่มีการตรวจสอบก็อยากย้าย ผอ.ออกนอกพื้นที่ก่อน เพื่อให้การตรวจสอบเป็นอย่างยุติธรรม ซึ่งหากผลการตรวจสอบพบว่า ผอ.ทุจริตงบอาหารกลางวันจริงให้ดำเนินการเอาผิดตามระเบียบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ ผอ.ไม่ได้เข้าไปปฏิบัติหน้าที่โรงเรียนแต่อย่างใด และจากการสอบถามไปทางเขตพื้นที่การศึกษาต้นสังกัด ทราบว่า ได้มีการตั้งกรรมการสืบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวแล้ว