พ่อสาว ป.โท ร้องสายไหมต้องรอด ลูกสาวตกใจสามีคนดูแลหอพักเมาเหล้าบุกทุบผิดห้อง ปีนตึกหนีพลัดตกเสียชีวิต จี้ผู้ก่อเหตุรับผิดชอบ
นายสมชาย สีชำนาญ อายุ 60 ปี พ่อของ นางสาวอาภาภรณ์ สีชำนาญ 27 ปี นักวิจัยว่าที่ด็อกเตอร์สาว เดินทางเข้าร้องขอความช่วยเหลือต่อ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด หลังลูกสาว พลัดตกจากที่พักชั้น 6 ลงมาเสียชีวิต โดยสาเหตุมาจากการตกใจที่สามีผู้ดูแลอาคารขึ้นไปทุกห้องโวยวายด้วยเหตุเข้าใจผิด
นายสมชาย ระบุว่า ส่วนตัวลูกสาวเป็นคนขี้ตกใจมาตั้งแต่เด็ก เวลามีเสียงดังอึกทึกมักจะตกใจมากกว่าคนปกติ ซึ่งช่วงที่ลูกสาวเข้ามาเรียนต่อที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่ชั้นปริญญาตรีก็ไม่ได้อยู่กับตนเอง โดยจะพักอาศัยอาศัยอยู่ที่แมนชั่นแห่งนี้จนจบการศึกษาระดับชั้นปริญญาตรีและปริญญาโท จนปัจจุบันศึกษาอยู่ในชั้นปริญญาเอกที่เหลือเพียงแค่การส่งชิ้นงานสุดท้ายและทำเรื่องจบการศึกษาก็จะเป็นด็อกเตอร์ด้านงานวิจัย
เท่าที่ตนเองทราบจากคนรอบข้างของลูกสาว ในวันเกิดเหตุ 13 ธ.ค.66 ผู้ก่อเหตุรายนี้ที่เป็นสามีของผู้ดูแลอาคารดังกล่าว กลับมาถึงที่เกิดเหตุเวลาประมาณ 04.00 น. แล้วเจอกับรถจักรยานยนต์คันหนึ่ง มาจอดทับอยู่ในช่องจอดรถของสามีผู้ดูแล จึงโมโห เมื่อสอบถามกับทางผู้ดูแลอาคาร ผู้ดูแลอาคารกลับบอกว่ารถจักรยานยนต์คันดังกล่าวเป็นของลูกสาวตนเอง
ผู้ก่อเหตุจึงบุกขึ้นไปโวยวายอยู่ที่บริเวณหน้าห้อง ซึ่งจากการสอบถามคนที่รู้เห็นเหตุการณ์ ยังทราบว่าชายคนดังกล่าวมีท่าทีคล้ายคนมึนเมาสุรา และมีอาการโวยวายด่าทอและมีการทุบประตูห้อง ซึ่งมีเพื่อนข้างห้องบันทึกเสียงในที่เกิดเหตุเอาไว้ทั้งหมด และในระหว่างเกิดเหตุลูกสาวตนเองได้แชตไปขอความช่วยเหลือกับเพื่อนที่พักอาศัยอยู่ที่ห้องชั้น 3 ซึ่งเพื่อนก็ยืนยันว่าได้ยินเสียงโวยวายดังขึ้นจากด้านบนของอาคารเช่นกัน แต่เพื่อนไม่กล้าขึ้นมาช่วยห้าม เพราะเกรงว่าชายคนดังกล่าวอาจจะมีอาวุธและคลุ้มคลั่งอยู่ เพื่อนจึงตัดสินใจลงไปที่ชั้นหนึ่งเพื่อไปขอความช่วยเหลือกับเจ้าที่รักษาความปลอดภัยของอาคาร แต่เมื่อเพื่อนของลูกสาวลงไปถึงชั้นล่างและกำลังจะเดินไปขอความช่วยเหลือกับรปภ.ก็เห็นร่างลูกสาวร่วงตกมากระแทกทะลุหลังคาโรงจอดรถจักรยานยนต์ ลงมาเสียชีวิตต่อหน้าต่อตา
หลังจากทราบเรื่องตนเองยอมรับว่าเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างมาก และอยากให้ผู้ก่อเหตุออกมาแสดงความรับผิดชอบกับเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะการกระทำที่ขาดสติโดยไม่ยั้งคิดของผู้ก่อเหตุในครั้งนี้ ทำให้ตนเองต้องสูญเสียลูกสาวอันเป็นที่รัก และประเทศชาติต้องสูญเสียบุคลากร ที่จะสามารถสร้างประโยชน์ต่อประเทศชาติต่อไปในอนาคตได้อย่างมาก
ด้านนายเอกภพ ระบุว่าเบื้องต้นหลังได้รับฟังเรื่องทั้งหมด ตนเองก็อยากให้ทางตำรวจดำเนินการแจ้งข้อหาและดำเนินการคดีกับผู้ก่อเหตุรายนี้ให้ถึงที่สุด เพราะหากไม่กระทำการในลักษณะการคุกคามแบบนี้ก็เชื่อว่าน้องคนนี้ก็จะไม่ต้องปีนตึกหนีไปจนพลาดพลัดตกเสียชีวิต
ซึ่งตนเองได้ประสานไปที่ทางสถานีตำรวจนครบาลโชคชัย ซึ่งเป็นเจ้าของคดี ทราบว่ามีการแจ้ง 3 ข้อหาคือ พยายามบุกรุก , ทำให้เกิดเหตุอึกทึกคึกโครม และ ทำให้ผู้อื่นตกใจกลัว แต่ก็จะประสานไปที่ พล.ต.ต.มานพ สุคนธ์ธนพัฒน์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อให้เข้ามาช่วยดำเนินการตรวจสอบการดำเนินการทางคดีและพิจารณาเกี่ยวกับข้อหาอีกครั้ง เนื่องจากตนเองมองว่าเป็นข้อหาที่ค่อนข้างเบาเกินไป.