ทนายเดชา เผย แม่น้องชมพู่เป็นต่อลุงพล หากอุทธรณ์สามารถเพิ่มโทษได้ถึงประหารชีวิต ขณะที่ ลุงพลเอง ใช้ช่องว่างในวรรคสุดท้ายคำพิพากษามาโต้แย้งได้
วันที่ 21 ธ.ค. 66 นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีแม่น้องชมพู่และครอบครัว เตรียมเดินหน้ายื่นอุทธรณ์ในข้อหาเจตนาฆ่าแก่ลุงพล ในคดีน้องชมพู่ว่า แม่น้องชมพูจะดำเนินการง่ายกว่า เพราะศาลตัดสินแล้วว่าลุงพลเป็นคนพาน้องชมพู่ขึ้นไปบนเขาและก็เสียชีวิต
ตอนนี้อยู่ที่แม่น้องชมพูว่าจะก็อธิบายต่อศาลอย่างไรว่าการที่ลุงพลพาน้องชมพู่ขึ้นมีเจตนาร้ายหรือเจตนาฆ่าอย่างไร เชื่อว่าหากแม่น้องชมพู่อุทธรณ์คดีก็จะง่ายแน่นอน และลุงพลมีสิทธิ์รับโทษถึงขั้นประหารชีวิต
ในส่วนของลุงพลก็มีโอกาสในการที่จะต่อสู้ ให้ยกฟ้องได้เหมือนกัน โดยอาศัยความเห็นแย้งของ ท่านอธิบดีผู้พิพากษา และท่านหัวหน้าศาลในช่วงวรรคสุดท้ายของการอ่านคำพิพากษาที่มีการเขียนเอาไว้ซึ่งความเห็นแย้งในครั้งนี้เป็นผลดีต่อตัวลุงพลเองด้วย
ตอนนี้มองว่าทั้ง 2 ฝ่ายมีโอกาสในการต่อสู้ทางคดีทั้งคู่ คนหนึ่งสู้เพื่อให้ยกฟ้อง คนหนึ่งสู้เพื่อให้ศาลเพิ่มโทษประหารชีวิต ส่วนลุงพลตอนนี้ชีวิตก็แขวนอยู่บนเส้นด้าย คงอยู่ไม่สุข นอนหลับไม่สบาย หลังจากนี้คงเหนื่อยหน่อย วิธีการสู้คดีก็ต้องปรับ หากสู้โดยการกล่าวหาหมา คือเจ้าปลาส้มว่าพาน้องชมพู่ไปตาย ตัวเองมองว่าศาลไม่คงเชื่อถือ เพราะหมา ญชาตญาณคือรักเจ้าของ หากน้องชมพู่เสียชีวิตคงนั่งเฝ้าจนคนมาเจอ มองว่าอย่าเอามาเป็นประเด็นเลย
ถ้าตัวเองมองเกมของทีมทนายลุงพลคงจะคัดค้านเรื่องของคำพูดพ่อแบมว่าไม่น่าเชื่อถืออย่างไร ผลทางนิติวิทยาศาสตร์ไม่น่าเชื่อถืออย่างไรน่าจะสู้ในด้านนี้มากกว่า ส่วนแม่น้องชมพู่ต้องพูดตามตรงว่าตอนนี้เป็นต่อลุงพลอยู่แล้ว