"จุรินทร์" ยกรัฐบาลชุดนี้เป็น “นักกู้ถุงเท้าสีชมพู”

3 ม.ค. 67

"จุรินทร์" แซะร่างพ.ร.บ.งบฯปี 67 ฉบับ "เป็ดง่อย" เย้ยถ้าไม่ผ่านให้นายกฯ เลิกใส่ถุงเท้าแดง ยกรัฐบาลชุดนี้เป็น “นักกู้ถุงเท้าสีชมพู” ว่าแต่เขาอิเหนาทำเองหมด 

วันที่ 3 ม.ค. 67 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 นาย จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะพรรคร่วมฝ่ายค้าน อภิปรายตอนหนึ่งว่า วันนี้เป็นการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯปี 67 ถือว่าเป็นเครื่องมือสำคัญ ที่จะทำให้ นโยบายของรัฐบาลที่หาเสียง และแถลงต่อรัฐสภาไว้ป็นจริงได้ในส่วนที่จำเป็นต้องใช้ แม้ไม่ใช่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่มองว่า พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี เป็นกฎหมายที่มีความสำคัญ ถ้ารัฐบาลเสนอแล้วไม่ผ่านความเห็นชอบของสภาฯ รัฐบาลก็ต้องรับผิดชอบด้วยการลาออกหรือไม่ก็ยุบสภา 

ส่วนตัวเชื่อว่า เป็นหน้าที่ของรัฐบาล ที่จะต้องระดมผู้แทนราษฎร สังกัดฝ่ายบริหารมาลงคะแนนให้ครบจนได้ แล้วก็เชื่อว่ากฎหมายงบประมาณฉบับนี้ จะผ่านความเห็นชอบ ในวาระรับหลักการ ในวาระแรกนี้ เพราะรัฐบาลชุดนี้มีเสียงข้างมาก โดยเบ็ดเสร็จเด็ดขาดถึง  314 เสียง 

"ถ้าเกิดไม่ผ่าน ผมว่านายกฯ เลิกใส่ถุงเท้าแดงได้แล้ว " 

นายจุรินทร์ อภิปรายต่อว่า งบประมาณฉบับนี้เป็นฉบับแรกของรัฐบาลชุดนี้ เกิดจากการเอาวงงบปี 67 ที่รัฐบาลที่แล้ว คือรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มารื้อทำใหม่หมด ซึ่งส่งผลให้ปฏิทินงบปีนี้ล่าช้าไปกว่า 9 เดือน เหตุผลนอกจากช้า เพราะรัฐบาลชุดนี้ใช้เวลาไปเป็นเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด และหลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติ หรือ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายของรัฐบาลชุดที่แล้วขึ้นมาใหม่ ก็ใช้เวลาขึ้นอีกหลายเดือนเช่นเดียวกัน กว่าจะกลับเข้าสู่สภาฯได้ ทำให้งบประมาณฉบับนี้ถูกบังคับใช้ ในเดือนพ.ค. 67 หรืออีก 4 เดือนข้างหน้า จึงส่งผลให้งบประมาณฉบับนี้ เปรียบเป็นงบประมาณฉบับเป็ดง่อย 

เพราะเป็นงบประมาณที่ 3.48 ล้านล้านบาท รัฐบาลมีเวลาใช้เงินแค่ 5 เดือนจากปกติ 12 เดือน เท่ากับมีเวลาใช้เงินเพียงแค่ 40% และที่สำคัญประสิทธิภาพการใช้เงินโดยเฉพาะงบลงทุนที่เป็นหัวใจสำคัญของการกระตุ้นเศรษฐกิจ ประสิทธิภาพการใช้เงิน ถ้าประธานรัฐสภาไปดูย้อนหลัง เฉลี่ย 5 ปีมีแค่ประมาณ 70% เพราะเราไปดู จากการการเงินเหลื่อม ปีประมาณ 30% สุดท้ายงบนี้ก็จะกลายเป็นงบเป็ดง่อย ไม่สามารถที่จะเอาไปกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลวาดหวังไว้ได้ 

ขณะที่รัฐบาลชุดนี้ ตอนนี้มีรัฐมนตรี 34 คน จึงอยากถามว่าโลกลืมไปแล้วกี่คน สองมือรวมกันนิ้วยังมี ไม่พอให้นับ ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีพยายามตีปี๊บว่า เศรษฐกิจกำลังวิกฤตต้องเร่ง กู้วิกฤต เศรษฐกิจกันขนาดใหญ่ แต่ขณะเดียวกันงบประมาณแผ่นดินซึ่ง เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ตัวใหญ่ที่สุดตัวหนึ่ง เพราะมีผลต่อ GDP ถึงร้อยละ 18 จึงอยากถามกลับว่าแล้วงบประมาณแผ่นดินกลายเป็นเป็ดง่อย จะไปดำเนินการกับเครื่องเศรษฐกิจ ให้โตตามเป้าหมายได้อย่างไร 

แต่หลังจากที่นายกฯ สั่งหรืองบ และไปมอบนโยบาย พร้อมให้ทำงบประมาณใหม่ กำลังพูดกันอยู่ในสภาฯ ในวันนี้ไม่มีอะไรใหม่ พร้อมมองว่าหลายเรื่องแย่กว่าเดิม สังเกตได้จาก 4 ประเด็นหลักที่ตนเองตั้งไว้เป็นข้อสังเกตคือ 1. งบประมาณฉบับนี้ ขาดดุลเหมือนเดิม และมั่นใจว่าจะขาดดุลต่อไปตลอดอายุ ของรัฐบาลชุดนี้ ครบ 4 ปี เต็ม  2. งบประมาณของรัฐบาลชุดนี้ ปีนี้เพิ่มขึ้นแต่สัดส่วนงบลงทุน หัวใจของการกระตุ้นเศรษฐกิจ น้อยกว่าเดิมงบปี 66 จึงอยากถามกลับว่าแล้วจะไปกระตุ้นการสนอง การกู้วิกฤตเศรษฐกิจที่รัฐบาลวางไว้ได้อย่างไร

3.งบกลางหากดูผิวเผินสัดส่วนเหมือนงบกลางจะลดลง แต่ตนเองมองว่าเป็นงบลวงตา เพราะงบกลาง ภาพรวมปี 66 มี 18.5% ของงบรวม แต่พอมาปี 67 ลดเหลือ 17.4% แต่ปัญหาก็คือว่าพอไปดูลึกถึงไส้ใน งบประมาณที่เป็นงบรางสำคัญ คือเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณี ฉุกเฉินที่เป็นอำนาจนายกรัฐมนตรี และรัฐบาลนี้ บางพรรคการเมือง ที่วิจารณ์รัฐบาลก่อนๆไว้เยอะ กลายเป็นเพิ่มขึ้น นี่ว่าแต่เขาอิเหนาทำเองหมด 4.งบประมาณฉบับนี้เป็นเรื่องคิดใหญ่ ทำเป็น แล้วก็กลับมาเป็นคิดกู้ทำกู้ ที่ตนเองมองเช่นนี้เพราะงบปี 67 ที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ทำไว้ผ่านครม.แล้วด้วยซ้ำ คือกู้ 5.93 แสนล้าน แต่รัฐบาลชุดนี้เอาไปรื้อ กลับมาใหม่และมอบนโยบาย 5 ข้อกลายเป็นกู้ เพิ่มเป็น 6.93 แสนล้าน กู้เพิ่มขึ้นแสนล้านบาท จึงอยากถามกลับว่าพวกท่านเคยวิจารณ์รัฐบาลที่แล้วว่าเป็นนักกู้แห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา แต่ส่วนตัวมองว่ารัฐบาลชุดนี้ กลายเป็นนักกู้ถุงเท้าสีชมพู

 

advertisement

ข่าวยอดนิยม