“พิธา” ไปมิวเซียมสยาม ร่วมกิจกรรมวันเด็ก ย้ำพัฒนาศักยภาพเด็ก ไม่ใช่แค่งานวันเด็ก แต่ภาครัฐต้องจัดงบประมาณให้ตรงจุด
วันที่ 13 ม.ค. 67 ที่มิวเซียมสยาม นาย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย นายปารเมศ วิทยารักษ์สรรค์ สส.กทม. พรรคก้าวไกล และนายฆนัท นาคถนอมทรัพย์ ผอ.ปีกวัฒนธรรม พรรคก้าวไกล เข้าร่วมกิจกรรมวันเด็ก ซึ่งมีบูธต่างๆ ภายใต้ธีม Play
ทั้งนี้นายพิธา กล่าวถึงคำอวยพร เนื่องในวันเด็กแห่งชาติว่า ตนไม่มีคำอวยพรคำขวัญใดๆ นอกจากคำมั่นสัญญาว่า อยากจะให้ทุกวันเป็นวันเด็ก ไม่ใช่แค่วันใดวันหนึ่งที่เรามาพบปะกันที่เราเล่นกันเล็กน้อย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นทุกวันนี้คือการมีพื้นที่แบบภายในงานนี้ แบบที่ทุกหน่วยงานจัดขึ้นในวันเด็ก เพื่อให้เด็กๆ มีพื้นที่ในแสดงออกการเป็นตัวของตัวเองได้โดยที่ไม่ต้องประนีประนอม
งบประมาณเพื่อสนับสนุนความฝัน ความคิด และความเชื่อของเด็กๆ นั้นสำคัญกว่าการให้คำขวัญ หวังว่าจะได้มีส่วนร่วมพัฒนารากฐานของเด็กๆ ทุกคนให้มีโอกาสที่เท่าเทียมกันในการเข้าถึงทรัพยากร ไม่ใช่เพียงแค่ระบบการศึกษา แต่ยังหมายรวมถึงโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจ การเมือง สังคมด้วย
การลงทุนในทุนมนุษย์ต้องไม่ใช่แค่การจัดกิจกรรมวันเด็กวันเดียวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการออกแบบงบประมาณที่ใช้พัฒนารากฐานของเด็กและเยาวชนไทย พร้อมยกตัวอย่างมิวเซียมสยามที่จัดกิจกรรมในวันนี้ หากรัฐเห็นความสำคัญ ควรมีงบลงทุนในส่วนของพิพิธภัณฑ์หรือองค์กรจัดการความรู้ ซึ่งจะเป็นทั้งสถานที่จุดประกายให้ความรู้แก่เด็กและเยาวชน ทำให้ทุกคนที่เข้าชมพิพิธภัณฑ์มีความสุขในการได้รับชม และเป็นระบบจัดเก็บความรู้ที่รัฐควรลงทุนในระยะยาวอีกด้วย
นายพิธา ยังกล่าวเสริมในฐานะคุณพ่อและนักการเมือง ที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงและการให้ความสำคัญกับอนาคตของชาติว่าการเรียนในโรงเรียนควรปรับรูปแบบให้เข้ากับบริบทของสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ควรเน้นกิจกรรมนอกโรงเรียน (outdoor) มากกว่าการนั่งเรียนในชั้นเรียน (indoor) และเน้นการเรียนรู้ (learning) ให้มากกว่าระบบการศึกษา (education) และอยากเห็นการส่งเสริมให้เด็กๆ หาประสบการณ์ที่แตกต่างหลากหลาย มากกว่าการเรียนแบบดั้งเดิมที่เน้นการท่องจำซ้ำๆ การเข้าเดินในพิพิธภัณฑ์มากกว่าเดินห้างสรรพสินค้า การเพิ่มงบประมาณด้านสวัสดิการเพื่อให้ผู้ปกครองมีเวลากับบุตรหลานมากยิ่งขึ้น เพื่อให้เกิดการพูดคุยเข้าใจกันร่วมกันตั้งคำถาม (Talk with) แทนที่จะเป็นการออกคำสั่ง (Talk at) แม้แต่มุมมองในบริบทของผู้ใหญ่หรือนักการเมืองที่ควรให้สำคัญกับการแนะนำ (Guiding) มากกว่าการออกคำสั่ง (Giving Orders)
หากถอดหมวกนักการเมืองออก วันเด็กทุกปีตนจะพาลูกและหลานมางานที่มิวเซียมสยามอยู่แล้ว เช่นกิจกรรมวันนี้ มิวเซียมสยามได้จัดกิจกรรม Play เยี่ยม เพื่อให้เด็กๆ สามารถปฏิบัติจริง เรียนรู้จริง เกี่ยวกับการดูแลสิ่งแวดล้อมและการเล่นอย่างมีความรับผิดชอบ
นอกจากนี้ นายพิธา มองว่าการพัฒนาศักยภาพของเด็กนั้นแตกต่างจากผู้ใหญ่ วิธีคิดวิธีเรียนรู้ก็แตกต่างกัน ต้องคิดว่าไม่ใช่โรงงานที่ผลิตทุกอย่างออกมาเหมือนกันหมด คนแต่ละคนก็ถนัดต่างกัน ดังนั้นภาครัฐภาคการเมืองจึงต้องสนับสนุนการเรียนรู้ที่โอบรับความหลากหลายมากกว่าการผลิตซ้ำ
เมื่อถามว่าหากมีเด็กอยากโตเป็นนักการเมือง จะมีคำแนะนำอย่างไร นายพิธา กล่าวว่า อันดับหนึ่งต้องเข้าใจตนเองว่าทำไมอยากเป็นนักการเมือง จะเป็นนักการเมืองไม่จำเป็นต้องพูดเก่ง แต่ต้องมีจิตสาธารณะหรือ public minded ที่สนใจสิ่งรอบข้าง ตนขอเป็นกำลังใจ อยากให้มีคนรุ่นใหม่ คนที่มีกำลัง เข้าสู่การเมืองเยอะๆ