พ่อแม่ร้อง ลูก 7 ขวบถูกเพื่อนแกล้งแรงซ้ำๆ วอนผู้ปกครองเร่งพาไปรักษาอาการทางจิต

19 ม.ค. 67

พ่อแม่ร้อง ลูก 7 ขวบถูกเพื่อนแกล้งแรงซ้ำๆ กัดจมูก-น้ำก๋วยเตี๋ยวราดหัว วอนผู้ปกครองเร่งพาไปรักษาอาการทางจิต   

จากกรณีที่มีผู้ปกครองรายหนึ่ง ร้องเรียนขอความช่วยเหลือจากเพจ “อยากดังเดี๋ยวจัดให้” ว่าลูกชายถูกเพื่อนในโรงเรียนเดียวกันแกล้งมาหลายครั้ง ตลอดระยะเวลากว่า 1 ปีนั้น 

วันที่ 19 ม.ค. 67 ที่ อ.ไชโย จ.อ่างทอง นายเทพ (สงวนนามสกุล) อายุ 37 ปี พ่อของน้องต้า (นามสมมติ) เด็กชายวัย 7 ขวบ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 10 ม.ค. 67 ลูกชายของตนเรียนหนังสืออยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ในโรงเรียนแห่งหนึ่ง อ.ไชโย ถูก ด.ช.เปอร์ (นามสมมติ) อายุ 7 ขวบ เพื่อนที่เรียนอยู่ห้องเดียวกัน ปารองเท้าใส่หน้าอก จนตนโมโห จึงเดินทางไปคุยกับปลัดอำเภอที่ศูนย์ดำรงธรรมในวันต่อมา เพื่อแจ้งปัญหาและหาทางแก้ไข แต่ปรากฏว่าระหว่างที่กำลังคุยกับปลัดอำเภอ ครูประจำชั้นของลูกชายได้ส่งข้อความมาบอกภรรยาว่า เกิดเหตุที่โรงเรียนอีกแล้ว ลูกชายถูก ด.ช.เปอร์ กัดจมูก 

ตอนนั้นตนและภรรยาตกใจมาก จึงรีบพากันไปที่โรงเรียน เมื่อไปถึงก็ตกใจหนักเข้าไปอีก เพราะลูกชายอยู่ในสภาพบอบช้ำ มีร่องรอยถูกกัดที่จมูก และมีแผลรอยเล็บจิกที่ต้นคอ จึงรีบพาลูกชายไปหาหมอที่โรงพยาบาล เพื่อขอใบรับรองแพทย์ และไปพูดคุยเจรจากับผู้ปกครองของ ด.ช.เปอร์ แต่ปรากฎว่าผู้ปกครองไม่รับผิดชอบและไม่เอ่ยปากขอโทษ แต่กลับไปโพสต์เฟซบุ๊กท้าทาย ตนจึงต้องออกมาร้องขอความเป็นธรรมในครั้งนี้ 

“ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ลูกชายถูก ด.ช.เปอร์ แกล้ง แต่ลูกชายถูกแกล้งมาตั้งแต่ชั้นอนุบาล 3 ครั้งนั้นถูกต่อยเข้าที่ท้อง แต่ลูกชายก็ไม่สู้ บอกว่าสงสารเพื่อน เมื่อนัดคุยกับผู้ปกครองก็ไม่ได้จุดจบ อยากให้ผู้ปกครองของ ด.ช.เปอร์ พิจารณา ว่าควรจะแก้ปัญหาอย่างไร เพราะมีพฤติกรรมทางอารมณ์รุนแรง และควบคุมอารมณ์ไม่ได้ มักจะแกล้งเพื่อนร่วมชั้นอีกหลายคน ทั้งผลักตกบันได เอาน้ำก๋วยเตี๋ยวราดหัวเพื่อน บีบคอ พฤติกรรมไม่ปกติ รุนแรงเกินกว่าที่เด็กควรจะเป็น” นายเทพ กล่าว 

ด้านนางนุช (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 43 ปี แม่ของน้องเก้า (นามสมมติ) ที่เรียนอยู่ห้องเดียวกับน้องต้า และ ด.ช.เปอร์ กล่าวว่า เมื่อประมาณ 1 เดือนที่ผ่านมา น้องเก้าถูก ด.ช.เปอร์ แกล้งเหมือนกัน แต่ลูกชายไม่ยอมเล่าให้ฟัง มีเด็กนักเรียนที่เห็นเหตุการณ์เป็นคนมาเล่าแทน 

โดยเล่าว่า ระหว่างที่ลูกชายนั่งรับประทานอาหารกลางวันอยู่ในโรงอาหาร จู่ๆ ด.ช.เปอร์ เดินถือชามก๋วยเตี๋ยวมาราดใส่ลูกชาย จนเปียกไปทั้งตัว ซึ่งคุณครูและแม่ครัวที่อยู่บริเวณนั้นเห็นเหตุการณ์ก็ตกใจ รีบพาลูกชายตนไปทำความสะอาดร่างกาย เคราะห์ดีที่น้ำก๋วยเตี๋ยวไม่ร้อนมาก ลูกชายจึงไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร 

จากนั้นวันต่อมาตนได้เดินทางไปที่โรงเรียนและสอบถามคุณครูประจำชั้นว่าทำไมถึงไม่บอกแม่ คุณครูจึงเล่าให้ฟังและเชิญยายของ ด.ช.เปอร์ มาเจรจา โดยยายก็รับทราบปัญหา และรับปากว่าจะพาหลานไปหาหมอ ซึ่งตนก็เข้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ได้โกรธ แค่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเกิดเหตุการณ์แบบนี้  

สุดท้ายกังวลว่าลูกชายและเด็กนักเรียนคนอื่นที่เรียนอยู่ห้องเดียวกับ ด.ช.เปอร์ จะได้รับอันตราย อยากให้ ด.ช.เปอร์ ลาออกจากโรงเรียน และให้ผู้ปกครองพาไปรักษาเสียก่อน หากหายดีก็ไม่มีใครรังเกียจ ถ้าจะกลับมาเรียนต่อ  แต่หากไม่รีบไปรักษาอาจจะมีผลถึงวันข้างหน้า 

ขณะที่ น.ส.ส้ม (นามสมมติ) แม่ของ ด.ช.เปอร์ เปิดใจว่า ขณะนี้ตนและคนในครอบครัวไม่ได้นิ่งนอนใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น หลายปีที่มาได้พาลูกชายไปหาหมอมาแล้วหลายโรงพยาบาล แต่หมอก็แจ้งว่าน้องปกติ ไม่ได้เป็นอะไร 

กระทั่งเมื่อช่วงสิ้นเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา รู้สึกว่าลูกชายมีปัญหาทางอารมณ์มากขึ้น โมโหง่าย ขี้หงุดหงิด จึงให้คุณยายพาไปรักษาอาการป่วยกับหมอจิตเวช ครั้งนี้ผลการตรวจร่างกายพบว่าสมองด้านลบของลูกชายเติบโตเกินกว่าเด็กวัยปกติ ลูกชายจึงเข้าสู่กระบวนการรักษา ซึ่งหมอให้ยายับยั้งการเจริญเติบโตของสมองมารับประทาน และนัดตรวจอาการทุกเดือน 

ส่วนสาเหตุที่ลูกชายทำร้ายร่างกายเพื่อนนั้น ตนก็ได้สอบถามทุกครั้งที่เกิดเรื่อง ซึ่งลูกชายก็จะบอกกลับมาเหมือนเดิมว่า ถูกเพื่อนบูลลี่ ล้อเลียนก่อน และลูกชายไม่ชอบ โมโหเพื่อน จึงเกิดการทำร้ายกันขึ้น ซึ่งไม่ได้เป็นการทำร้ายฝ่ายเดียว เพราะที่ผ่านมาลูกชายก็มีแผลกลับบ้านมาเป็นประจำ และตนเองก็ได้ถ่ายรูปภาพเก็บไว้เหมือนกัน 

ส่วนที่คู่กรณีบอกว่า ตนไม่รับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลน้องต้านั้น ยืนยันว่าจะรับผิดชอบหากมีการระบุในใบรับรองแพทย์มาอย่างชัดเจน ในฐานะคนเป็นแม่ ก็มองว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องรุนแรง หากลูกชายตนถูกกระทำก็คงจะร้อนใจไม่แพ้กัน

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส