จากกรณีนายธนบดี จิตตา อายุ 21 ปี อาชีพซื้อขายรถยนต์เเจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง ว่าถูกกลุ่มบุคคลประมาณ 5-6 คนอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดเฉพาะกิจอุ้มรีดทรัพย์ แต่โชคดีที่เจ้าตัวหนีรอดออกมาได้
โดยความคืบหน้า (3 ส.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ออกหมายจับบุคคล 4 รายตามภาพจากกล้องวงปิด ในข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์, หน่วงเหนี่ยวกักขัง, พกพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยมีหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิดขณะเกิดเหตุและคำให้การของผู้เสียหาย
ช่วงเวลาประมาณ 21.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัว นายกันตพิชญ์ งามเอก หรือนายมาร์ค อายุ 21 ปี หนึ่งในผู้ต้องหา เข้ามาเพื่อให้ผู้เสียหายชี้ตัว ขณะที่ทางทนายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ เปิดเผยว่า ผู้เสียหายได้ร้องเรียนผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว พร้อมพยานหลักฐานต่างๆ จึงนำตัวเข้าร้อง พล.ต.ท.ศรีวาห์ เพื่อขอความเป็นธรรม เพราะผู้ต้องหาอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ เกรงจะไปก่อเหตุกับบุคคลอื่น
ด้านนายธนบดี ผู้เสียหาย กล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจ เผยตอนแรกกลัวไม่ได้รับความเป็นธรรมเพราะกลุ่มผู้ต้องหาข่มขู่ว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีการตามเฝ้าจากบุคคลแปลกหน้า กลัวว่าตนเองจะได้รับอันตราย จึงตัดสินใจเข้าร้องต่อทนายสงกานต์ ทั้งยืนยันว่าจำหน้าผู้ต้องหาทั้งหมดได้
ขณะที่เรื่องหมายจับ 2 คดี คดีแรกคือ ฉ้อโกง พื้นที่สน.มีนบุรี ไม่เกี่ยวกับผู้ต้องหา เมื่อคืนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับตัวไปดำเนินคดี และประกันตัวออกมาเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเรื่องนี้สืบเนื่องจากการเป็นนายหน้าขายรถ ระหว่างผู้ซื้อกับ ผู้ขายที่เกิดความไม่พอใจและได้ฟ้องร้องตน
ส่วนคดีที่ 2 คือยักยอกทรัพย์ ที่นายมาร์ค ผู้ต้องหา ฟ้องร้องตน จากการที่ตนรับซื้อรถเบนซ์ของผู้ต้องหา ซึ่งมีการจ่ายเงินอย่างถูกต้อง แต่ผู้ต้องหาไม่พอใจที่ตนรับซื้อมาในราคา 330,000 บาท แต่ไปขายต่อในราคา 470,000 บาท โดยอ้างว่าขายแพง และไม่เห็นแก่ความเป็นเพื่อน จึงเข้าแจ้งความ ทั้งนี้ตนก็ได้เข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียบร้อยแล้ว และคดีอยู่ในชั้นศาล
ขณะที่
พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เผยว่า จากการตรวจสอบพบว่า ผู้ต้องหาทั้งหมดไม่ใช่ตำรวจชุดสืบสวน สน.ห้วยขวางตามที่กล่าวอ้าง โดยอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่า เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริงหรือไม่ จากการสอบปากคำ นายกันตพิชญ์ ให้การรับสารภาพ และอ้างว่าได้ไปจ้างคนมีสีมาทวงหนี้ ซึ่งจะต้องทำการสืบสวนขยายผลต่อไป ในส่วนนี้ โดยยืนยันว่า ไม่มีผู้มีอิทธิพลในยุค คสช.