สาวพรยันคืนวันพบศพผัวเครียด ไม่มีเพศสัมพันธ์กับช่างกิตแน่นอน

4 ก.พ. 67

สาวพร แจงคืนพบศพผัวเครียดมาก ไม่ได้มีเพศสัมพันธ์กับช่างกิตแน่นอน ยอมรับเรื่องความสัมพันธ์ชู้สาว แต่ไม่เกี่ยวข้องการตายของผัว รู้สึกเสียใจและคิดถึงตลอดเวลา

 

ความคืบหน้ากรณีคนร้ายอุ้มฆ่าหนุ่มโรงงาน นายธนาสันต์ เตอั้น อายุ 33 ปี ถูกโยนทิ้งมัดมืดมัดเท้าไว้ข้างทางเลียบมอเตอร์เวย์ เมื่อวันที่ 29 ม.ค. 67 ที่ผ่านมา ก่อนที่เมียผู้ตายจะให้ข้อมูลกับตำรวจว่าก่อนที่ผัวหายไปพบส่งแชตปริศนาผ่านเฟซบุ๊ก อ้างทำหญิงท้อง ขอเลิกเมีย

และเมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 2 ก.พ.67 ตำรวจเข้าจับกุมนายกิตติโชติ แพไพรมูล อายุ 37 ปี โดยนาย กิตติโชติ เป็น 1 ในกลุ่มที่ก่อเหตุอุ้มฆ่านายธนาสันต์ ซึ่งวันที่พบศพวันที่ 29 ม.ค. 67 นายกิตติโชตได้ขับรถมากับ น.ส.วรรณพร หลักแหลม หรือ พร อายุ 33 ปี ภรรยาผู้ตาย ก่อนจะมายืนดูตอนเก็บร่างผู้ตาย


ล่าสุด นางพร ภรรยาของนายใหม่ ผู้เสียชีวิต ชี้แจงถึงประเด็นเรื่องที่ตนเองพานายกิตมาที่บ้านหลังเจอศพนายธนาสรรค์ สามี ว่า ภายหลังจากที่ตนเองพบเจอศพนายธนาสรรค์ สามี ได้มีการไปสอบปากคำกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งกว่าจะเสร็จก็ประมาณ 23.30 น. โดยตอนนั้นตนเองอยู่กับนายกิต และกำลังเดินทางกลับบ้าน โดยมีการโทรบอกพี่ชายตัวเอง และรุ่นน้อง ชื่อนางสาวแหม่ม ว่ากำลังกลับบ้านเช่นกัน และพี่ชายกำลังจะเดินทางมาอยู่กับตนเองเป็นเพื่อนที่บ้าน ซึ่งพี่ชายของตนเอง ก็ยังเป็นฝ่ายที่ถามนายกิต ว่า สามารถอยู่เป็นเพื่อนตนเองก่อนได้หรือไม่ ก่อนที่พ่อจะมาถึง ซึ่งนายกิต ก็ตอบยืนยันว่าจะอยู่เป็นเพื่อน

โดยตนเองไปถึงบ้านช่วงเวลาประมาณ 00.20 น. ซึ่งเข้าไปในบ้านกับนายกิต ก่อน หลังจากนั้นพี่ชาย กับ นางสาวแหม่ม ก็ตามเข้ามาที่บ้าน ช่วงเวลาประมาณ 00.42 น. โดยยืนยันได้ว่าอยู่กันภายในบ้านกัน 4 คน ไม่ได้อยู่กันสองต่อสอง จนกระทั่งพ่อตนเองเดินทางกลับมาช่วง 02.00 น. นายกิตถึงกลับไป

ช่วงที่อยู่ในบ้านก็มีการสนทนาพูดคุยเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และถามหาถึงสาเหตุกัน ว่าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้อย่างไร โดยตอนนั้นนายกิต ก็มีท่าทีปกตินิ่งเงียบไม่มีพิรุธอะไร ยืนยันได้ว่าสถานการณ์ตอนนั้นค่อนข้างเครียดและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่มีอารมณ์ที่จะมามีเพศสัมพันธ์กับนายกิตแน่นอน

ตนเองต้องขอโทษสื่อมวลชน และขอโทษสังคมอีกครั้งกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น แล้วดันโกหก และขอโทษทางครอบครัวผู้เสียชีวิตที่เป็นชนวนเหตุ มันมาจากนิสัยส่วนตัวที่ไม่ดีของตนเอง โดยตนเองยอมรับผิดว่าเป็นต้นเรื่องที่ทำให้เกิดเรื่องชุลมุนวุ่นวายแบบนี้ แต่ตนเองยืนยันได้ว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำให้สามีตนเองเสียชีวิต ไม่มีส่วนรู้เห็นใดๆแล้วและพร้อมจะให้ความร่วมมือกับทางตำรวจทุกอย่าง ถ้าตนเองกระทำผิดจริงก็จะยอมรับโทษตามกฏหมาย ที่สำคัญตนเองก็อยากให้ทุกคนรู้ว่าตนเองรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รู้สึกผิดและโทษตัวเองมาโดยตลอด และคิดถึงสามีตลอดเวลา ถือเป็นบทเรียนชิ้นใหญ่ในชีวิตของตนเอง

 

advertisement

advertisement

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส