เมียร้องสื่อ! ผัวถูกชายฉกรรจ์ 7-8 คน ห้าวเป้งรุมตีแบบไม่เกรงกลัวกฏหมายบ้านเมือง จนกระดูกโครงหน้ายุบ บาดเจ็บสาหัสต้องผ่าตัดด่วน
วันที่ 6 ก.พ. 67 น.ส.สุเกตษา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 31 ปี กล่าวว่า เมื่อวันที่ 3 ก.พ. 67 เวลาประมาณ 00.30 น. ตนและ นายเอกชัย (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี สามีขับรถยนต์มาบนถนนสายบ้านบึง-บ้านค่าย จากทางปลวกแดงมุ่งหน้าทางมาบปู และได้เลี้ยวซ้ายมาทางบ้านสุรศักดิ์ จากนั้นมีรถกระบะสีดำ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน และคนขับรถขับปาดหน้ามาทางด้านสามีของตนเอง จึงได้เปิดกระจกและได้ถามว่า "ทำไมขับแบบนี้"
หลังจากนั้นตนได้ขับรถมาจอดแวะกินก๋วยเตี๋ยวที่ร้านข้างตลาดสุรศักดิ์ ไม่ถึง10นาทีรถยนต์คู่กรณี พร้อมพวกประมาณ 7-8 คน มาด้วยรถยนต์ 2 คัน คันแรกเป็นรถยนต์สีเทาดำ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียนมาจอดปิดบริเวณหน้ารถตัวเอง ส่วนอีกคันรถกระบะ 4 ประตู จอดฝั่งตรงข้าม ก่อนพากันลงจากรถ พร้อมอาวุธมีด ไม้เบสบอล และฆ้อนลงมาถามสามีตนว่า “มึงตะโกนว่าอะไร”
ด้านสามีตนเห็นว่าท่าไม่ดีจึงวิ่งไปที่รถ เพื่อเอาอาวุธมีด แต่ไม่ทัน ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์รุมทำร้ายด้วยการเตะต่อยทุบตีร่างกายสามีจนอาการสาหัส ที่บริเวณหน้าร้านก๋วยเตี๋ยว ในพื้นที่หมู่ 5 ต.เขาคันทรง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ซึ่งกระทำการอย่างไม่เกรงกลัวกฏหมายบ้านเมือง หลังจากทำร้ายสามีของตนแล้วก็พากันขึ้นรถขับหลบหนีไปจนทางหน่วยกู้ภัยศีลธรรมสมาคมบ้านบึงจุดมาบปู มาช่วยกันปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนนำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาล
จึงอยากฝากถึงกลุ่มผู้ก่อเหตุให้ออกมารับผิดชอบในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากสามีตนได้รับบาดเจ็บสาหัสปางตาย ตอนนี้ยังรักษาอาการอยู่ที่โรงพยาบาล และรอผลจากทางแพทย์ว่าจะต้องผ่าตัดหรือไม่ เนื่องจากกระดูกโครงหน้าถูกตีจนยุบ จะต้องทำการผ่าตัด
หลังจากเกิดเรื่องได้เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ต.เรืองสิทธิ์ นาวีรัตนวิทยา พนักงานสอบสวน สภ.บ่อวินแล้ว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจและชุดสืบสวนได้เข้าตรวจสอบในที่เกิดเหตุแล้ว อย่างไรก็ตามทางพนักงานสอบสวนประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสภ.บ่อวินได้เร่งตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คนร้ายใช้หลบหนี เพื่อตรวจสอบทะเบียนรถที่คนร้ายได้ใช้ก่อเหตุในครั้งนี้ แต่เส้นทางที่คนร้ายใช้หลบหนีนั้นไม่มีกล้องวงจรปิดติดตั้งไว้ ส่วนบางจุดเป็นที่มืดส่องไม่เห็นป้ายทะเบียนรถของผู้ก่อเหตุทั้ง 2 คัน แต่ทางตำรวจจะพยายามไล่กล้องเส้นทางในตลาดสุรศักดิ์ทั้งหมด เพื่อติดตามตัวคนร้ายที่ก่อเหตุทั้ง 7-8 คน มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป