กระแสประท้วงต่อต้านปฏิบัติการโจมตีของ
สหรัฐฯ ยังคงลามไปทั่ว
อิหร่าน และคาดว่าจะรุนแรงต่อเนื่อง เมื่อวานนี้(5 ม.ค.) ในพิธีศพของ
นายพลกาเซม สุไลมานี ผู้บัญชาการกองกำลังนักรบคุดส์ ที่ถูกสังหารโดยคำสั่งของ
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ชาวอิหร่านหลายแสนคนออกมารวมตัวเพื่อไว้อาลัย ส่วนใหญ่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น และต้องการให้ตอบโต้สหรัฐฯ ต่อความสูญเสียที่เกิดขึ้น
ระหว่างการเคลื่อนขบวนศพ ซึ่งมีการถ่ายทอดสดผ่านโทรทัศน์ มีการประกาศเรี่ยไรค่าหัวทรัมป์ โดยขอให้ชาวอิหร่าน 80 ล้านคน บริจาคเงินคนละ 1 ดอลลาร์ หรือเป็นเงินประมาณ 2,400 ล้านบาท เพื่อลงขันในการสังหารผู้นำสหรัฐฯ
ในขณะเดียวกัน ท่าทีจากฝ่ายการเมืองของอิหร่านยังคงแข็งกร้าว แม้ว่าเมื่อวานนี้(5 ม.ค.) กระทรวงการต่างประเทศอิหร่านจะยืนยันว่าอิหร่านไม่ต้องการก่อสงคราม แต่พร้อมตอบโต้หากถูกโจมตีก่อน ขณะที่
สภาอิรักลงมติเอกฉันท์ขับไล่กองกำลังสหรัฐฯ ที่มีทหาร 5,200 นายออกจากประเทศ
ด้าน
รัฐบาลอิหร่านประกาศถอนตัวจากข้อตกลงปลอดนิวเคลียร์ที่เคยลงนามกับชาติมหาอำนาจ 6 ประเทศในปี 2015 ซึ่งในครั้งนั้นอิหร่านยอมลงนามเพื่อแลกกับการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ แต่ภายหลัง อเมริกาได้ถอนตัวจากข้อตกลงฉบับนี้ และเริ่มกดดันอิหร่าน ซึ่งผลจากการถอนตัว จะทำให้อิหร่านเดินหน้าวิจัยและพัฒนาโครงการนิวเคลียร์ของตัวเองได้อย่างอิสระ