“เทพมนตรี” ซัด “พิธา” ไร้มารยาท อ้างตึกจวนสมุหเทศาภิบาลมณฑลบูรพา เคยเป็นบ้านคุณยาย จี้ขอขมาเจ้าพระยาอภัยภูเบศร์-ทายาทตระกูล “อภัยวงศ์”
จากกรณีที่โลกออนไลน์แห่วิพากษ์วิจารณ์โพสต์ของนาย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่เคยโพสต์ภาพบ้านหลังหนึ่ง พร้อมระบุข้อความว่า บ้านเก่าคุณยาย ซึ่งโพสต์ดังกล่าวโพสต์เมื่อวันที่ 20 พ.ค. 58 แต่มีการตั้งข้อสังเกตว่าบ้านหลังดังกล่าวคือ ตึกจวนสมุหเทศาภิบาลมณฑลบูรพาของเจ้าพระยาอภัยภูเบศร์ และทายาทตระกูล “อภัยวงศ์”
ต่อมาวันที่ 7 ก.พ. 67 นาย เทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์และนักเทววิทยา โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “พิธาควรขอขมาเจ้าพระยาอภัยภูเบศร์และทายาทตระกูล อภัยวงศ์”
“การอ้างว่าตึกจวนสมุหเทศาภิบาลมณฑลบูรพาเมื่อแรกสร้าง เคยเป็นที่พำนัก “บ้านคุณยาย” นั้น หมายถึงคุณยายของคุณพิธาต้องเป็นบุคคลสำคัญเกี่ยวข้องกับคนในตระกูลอภัยวงศ์เป็นอย่างดี และเป็นบรรพบุรุษของคนในตระกูลอภัยวงศ์สายใดสายหนึ่ง”
“เมื่อปรากฏว่าทายาทคนในตระกูลอภัยวงศ์ออกมาปฏิเสธว่าไม่รู้จักคุณพิธา และไม่เคยนับเป็นเครือญาติ และคนในตระกูลเขามีรหัสประจำตัวเมื่อแรกเกิด คำถามที่ตามมาก็คือ คุณพิธามีคุณยายเป็นบรรพบุรุษในตระกูลนี้ แล้วคุณแม่ที่ชื่อ ลิลฎา นามสกุล อภัยวงศ์ ด้วยหรือไม่ และรหัสประจำตัวคุณพิธามีหมายเลขอะไร”
“การไม่ตอบคำถามคือการไม่แสดงความรับผิดชอบ ในฐานะผู้แทนราษฎรที่ชิงชัยในศึกเลือกตั้งแต่มีปัญหาเรื่อง “ปากมาก ปากมัน พูดสนุกปาก เสมอมา สังคมไทย คงไม่คาดหวังอะไร เพราะวาดหวังกับคนเยี่ยงนี้ไม่ได้”
“คุณพิธา พูดถึง ตึกหลังงามศิลปะแบบโคโลเนียล ซึ่งสร้างขึ้นในช่วงระยะเวลาที่สยามยังมีปัญหาหนักกับอินโดจีนฝรั่งเศส และพึ่งเสียดินแดนที่อ้างว่าจะอาศัยพรมแดนธรรมชาติเป็นเส้นแบ่งเขตแดนสุดท้ายในอนุสัญญา ค.ศ. 1904”
“พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ทรงโทมนัสกับราชการงานเมืองที่ว่านี้ ทรงตระหนักถึงปัญหาในระบบการเมืองการปกครอง ทรงมีพระราชปณิธานอย่างวิริยะอุตสาหะในการพัฒนาบ้านเมืองให้มีความทันสมัยทัดเทียมนานาอารยะประเทศ ทรงปฏิรูปการปกครองสร้้างระบบมณฑลเทศาภิบาลขึ้นมาโดยหวังว่าเราจะไม่ต้องสูญเสียดินแดนให้อินโดจีนฝรั่งเศสหรืออังกฤษอีก”
“และบ้านคุณยายที่คุณพิธาอ้างนั้น ก็คือที่ทำการมณฑลเทศาภิบาลมณฑลบูรพา ซึ่งปกครองท้องที่สามเมืองใหญ่คือเสียมราฐ ศรีโสภณ และพระตะบอง ผมจึงไม่คิดว่าคุณพิธาจะกล้าดีแอบอ้างเรื่องนี้ขึ้นมา”
“ถ้าศึกษาประวัติศาสตร์อย่างแท้จริง ก็ไม่สมควรด้วยประการทั้งปวงที่จะอ้างคุณยาย ไปล้อเลียน ท่านเจ้าของตึกหลังนี้ เพราะมันมีความหมายเป็นอนุสรณ์เตือนใจ แรกสร้างตึกหลักนี้เสร็จไม่เกิน 2 ปี สยามต้องเสียดินแดน 3 เมืองในมณฑลบูรพาให้ฝรั่งเศสตามสนธิสัญญาค.ศ.1904 ท่านเจ้าพระยาอภัยภูเบศร์และครอบครัวเป็นข้าราชการต่างพระเนตรพระกรรณทรงไว้วางพระราชหฤทัยได้ตัดสินใจที่จะเทครัวออกจากพระตะบองไปพำนักในดินแดนตอนในที่เมืองปราจีนบุรี สิ่งที่ลงทุนลงแรงไปก็เสียประโยชน์โดยสิ้น ตึกที่สร้างขึ้นมาต้องมอบเป็นส่วนควบให้อินโดจีนฝรั่งเศสเจ้าอาณานิคมนำไปเป็นที่ทำการฟรีๆ”
“คุณพิธาเคยคิดไหมว่า ความสนุกปากกับมือที่เขียนเพื่อให้ได้แสงในครั้งนั้น มันเป็นความคิดอย่างไร้มารยาท ไม่มีความเห็นอกเห็นใจทายาทในตระกูลอภัยวงศ์ และเป็นการแอบอ้างนำเอาบาดแผลทางประวัติศาสตร์มาใช้เป็นเครื่องสนองตัณหาความอยากดูดีของตนให้สาวกได้ปลาบปลื้ม”
“ต่อมาเจ้าพระยาอภัยภูเบศร์ท่านจึงนำเอาแบบแปลนของตึกหลังนี้ไปสร้างที่เมืองปราจีนบุรีอีกครั้ง เพราะคงรักหวงแหนอาลัยต่อตึกหลังนี้ ตั้งใจมั่นให้ล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 ทรงประทับ แต่ก็สวรรคตเสียก่อน”
“ผมจึงมองว่าคุณพิธา ควรออกมาแสดงความรับผิดชอบ สารภาพผิดในครั้งนี้ ประกาศขอขมาให้สาธารณชนได้ทราบต่อดวงวิญญาณท่านเจ้าพระยาอภัยภูเบศร์เสีย จึงจะเรียกได้ว่าเป็นพ่อเทพบุตรจุติมาในโรงยี่เก!”
Advertisement