เปิดจำนวนเงินที่สาวพรจะได้หากผัวตาย น้องชายหนุ่มโรงงาน คาดปมเงินประกันก็อาจมีส่วนทำให้พี่ชายถูกสังหาร ชี้สาวพรเร่งแม่ให้เซ็นมอบอำนาจ ขอให้ตำรวจอย่าทิ้งประเด็นนี้
กรณีนายธนาสันต์ เตอั้น หรือ ใหม่ ถูก "ช่างกิต" อุ้มไปสังหารอย่างโหดเหี้ยมแล้วนำศพไปทิ้งที่มอเตอร์เวย์ จ.ฉะเชิงเทรา ก่อนจะมีการคลี่ปมพบว่าน่าจะเกิดจากปมรักสามเส้า หลัง น.ส.วรรณพร หรือ น้องพร ภรรยาของผู้ตาย ออกมายอมรับว่ามีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับช่างกิต จนนำมาซึ่งการฆาตกรรม
ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับ นายศักดิโชติ จอนกิ่ง 31 ปี น้องชายของนายใหม่ ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเองเติบโตมากับนายใหม่ผู้ตาย นายใหม่ไม่เคยให้บัตรประชาชนใครไปใช้ ซึ่งตนเองก็ไม่เคยใช้เหมือนกัน ยอมรับว่าตนเองก็ไม่ทราบว่าเรื่องการทำธุรกรรมต่างๆ ของนายใหม่ได้ให้ใครทำแทนหรือไม่ หรือจะถ่ายภาพให้พรหรือไม่ตนเองก็ไม่ทราบ
ส่วนกรณีที่ภาพบัตรประชาชนของผู้ตายไปอยู่ในมือถือของนายกิต ตนมองว่าถ้าจะไปอยู่ในเครื่องของนายกิตได้ มีคนเดียวเท่านั้นที่จะส่งให้ ก็คือนางสาวพร เพราะนายใหม่ก็ไม่น่าจะส่งให้นายกิตได้
สำหรับเรื่องที่นางสาวพรบอกกับนายกิตว่าท้อง จนเป็นชนวนเหตุในการก่อเหตุครั้งนี้หรือไม่ ตนคาดว่าน่าจะเป็นไปได้ ที่ทำให้ผู้ก่อเหตุนั้นหัวร้อนและก่อเหตุดังกล่าว
กรณีเรื่องของเงินประกันจะมีส่วนหรือไม่ตนเองก็ยังไม่อยากตัดเรื่องนี้ทิ้ง เพราะดูจากพฤติกรรมของนางสาวพร ก็มีความเร่งรีบในการให้แม่ของตนเซ็นมอบอำนาจ ก็อาจจะเป็นไปได้ว่านางสาวพรจะอยากได้เงินประกันหรือไม่
ผู้สื่อข่าวได้เอกสารผู้ตายระบุการทำประกันไว้ โดยในเอกสารมีข้อความระบุว่า นายธนาสันต์ เตอั้น ตำแหน่ง พนักงานปฏิบัติการอาวุโส แผนกคลังสินค้ายาง วันเริ่มงาน 16 /06/2557 อายุงาน 9 ปี 7 เดือน โดยภายในเอกสารมีการระบุรายละเอียด การช่วยเหลือเยียวยา จากทางบริษัท ประกอบด้วย
• เงินช่วยเหลือค่าทำศพ 15,000 บาท
• เงินช่วยเหลือ 160,832 บาท (แบ่งกัน แม่ 50% สาวพร 50%)
• กองทุนฌาปนกิจ 132,700 บาท (แบ่งกัน แม่ 50% สาวพร 50%)
• เงินเดือนงวดเดือนกุมภาพันธ์ 2567 (แบ่งกัน แม่ 50% สาวพร 50%)
• โบนัสครึ่งปีแรก 2567 (แบ่งกัน แม่ 50% สาวพร 50%)
• เงินประกันกลุ่ม 100,000 บาท (แบ่งกัน แม่ 50% สาวพร 50%)
• กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (สาวพร 100%)
• เงินประกันชีวิต 1,200,000 บาท (แบ่งกัน แม่ 50% สาวพร 50%)
เท่ากับว่า หากนายใหม่เสียชีวิต นางสาววรรณพรผู้เป็นภรรยา จะได้รับเงินชดเชยรวมกันแล้วประมาณเกือบ 1 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน พลตำรวจโท เรวัช กลิ่นเกษร อดีตผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ได้ออกมาให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่า การมัดมือมัดเท้าผู้ตายนั้น ตนมองว่าต้องมัดในรถ และมีการบังคับใช้ปืนจี้ให้ขึ้นรถ จากนั้นก็ช่วยกันมัดเพราะกลัวผู้ตายจะดิ้นสู้ ส่วนกรณีของนายกิต ถึงแม้ว่าวันนี้จะยังหาปืนไม่ได้ แต่มองว่า ยังไงก็ไม่รอด ความผิดที่เกิดขึ้นชัดเจนและสำเร็จตอนนั้นก็คือความผิดปล้นทรัพย์ และอุ้มนายใหม่ไปทำให้เสื่อมเสียอิสรภาพ ส่วนเรื่องการนำไปยิงจะยิงตอนที่นายกิตผู้ก่อเหตุอยู่กับนายใหม่ ผู้ตายสองต่อสอง หรือจะมีคนอื่นอยู่ด้วย นั่นก็คืออีกเรื่องหนึ่ง
พลตำรวจโท เรวัช ยังบอกอีกว่า สาวพรเป็นคนที่ให้การแล้วเชื่อถือไม่ได้ แต่เป็นคนฉลาดในการตอบคำถาม และจะยอมรับก็ต่อเมื่อจนมุมด้วยหลักฐานเท่านั้น ซึ่งตนไม่ยืนยันว่า แผนการจะเกิดจากนางสาวพรหรือไม่ แต่ตนเองมองว่านายกิตคือจิ้งหรีดที่ถูกปั่นหัว โดยการสร้างเรื่องว่าท้องและทำเพื่อลูก ถ้านาใหม่ตาย นางสาวพรจะได้เงินประกันชีวิต ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะต้องหาพยานหลักฐานเพื่อมาปะติดปะต่อ ซึ่งวันนี้ที่ตนเองออกมาพูด ตนเองวิพากษ์วิจารณ์ไปตามพยานหลักฐาน ตามประสบการณ์ที่ตนเองเคยทำงานมา ส่วนถ้าจะมองในด้านดี หากนางสาวพรมีส่วนเกี่ยวข้องคิดว่าก็ควรจะประกบยิงตั้งแต่ตอนนั้นเลย แต่มีการมัดมือมัดเท้าด้วย ถ้าเกิดจะมีการนำศพไปเผาเพื่อทำลายหลักฐาน ก็จะกลายเป็นบุคคลสูญหาย ก็จะไม่ได้เงินประกัน จึงต้องนำศพมาทิ้งให้เห็นว่าตายแล้ว ประกอบกับมีการเปิดเผยข้อมูลหนึ่ง คือมี ภาพบัตรประชาชนของนายใหม่ผู้ตายอยู่ในมือถือของนายกิต ซึ่งมีพยานให้ข้อมูลว่าภายในรถมีการสอบถามชื่อนามสกุลของผู้ตาย เป็นไปได้หรือไม่ว่านายกิตมีการตรวจสอบชื่อนามสกุลว่าตรงกับกรมธรรม์ตามประกันหรือไม่ ก่อนที่จะมีการฆ่าเพื่อที่จะไม่ให้มีการลงมือผิดตัว