ลุงวัย 66 ฝ่าเปลวไฟเข้าไปช่วย แพะแม่พันธุ์แสนรัก ถูกไฟลวกทั้งตัว สุดท้ายช่วยออกมาไม่ได้ ยืนดูแพะสุดที่รัก ถูกไฟคลอกตาย
วันที่ 9 ก.พ. 67 นาย ทวิช เที่ยวมาพบสุข นายอำเภอพนมทวน สั่งการให้ นายชัชพิสิฐ สุระคำพันธ์ ปลัดอำเภอพนมทวน พร้อมด้วยนายสันติ มงคลวิบูลผล หัวหน้าสำนักงานปลัดเทศบาลตำบลรางหวาย ลงพื้นที่ตรวจสอบหลังรับแจ้งว่าเกิดเหตุเพลิงไหม้คอกแพะ ของชาวบ้านได้รับความเสียหายในพื้นที่ หมู่ 8 บ้านโกช้าย ต.รางหวาย อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี
ที่เกิดเหตุพบ นายอุบล แก้วสาสุข อายุ 66 ปี เจ้าของคอกแพะ กำลังเดินดูซากแพะที่บริเวณคอกแพะด้วยใบหน้าโศกเศร้า เนื่องจากได้เสียแพะแม่พันธุ์แสนรักไปจากเหตุการณ์เพลิงไหม้ โดยพบว่าคอกแพะดังกล่าวได้ถูกเพลิงไหม้เสียหายทั้งหมด ภายในกองเพลิงยังพบซากแพะจำนวน 6 ตัว สภาพไหม้เกรียม
โดยนายอุบล ยังได้โชว์บาดแผลพุพองจากไฟลวก ที่บริเวณแขนขวา และใบหน้า ให้ดูหลังจากที่ได้ฝ่ากองเพลิงเข้าไปช่วยแพะแต่ช่วยออกมาได้ไม่สำเร็จ ซึ่งบริเวณโดยรอบคอกแพะที่ถูกเพลิงไหม้ยังพบคอกแพะอีกจำนวน 3 หลัง มีแพะอยู่ในคอกอีก 4-5 ตัว โชคดีที่ไม่ถูกไฟไหม้ไปด้วย
นายอุบล ให้ข้อมูลว่า ก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณสองทุ่มของคืนวันที่ 8 ก.พ. 67 ตนและน้องชายนั่งเล่นอยู่ที่กระท่อมหน้าบ้านที่อยู่ห่างจากคอกแพะประมาณ 100 เมตร โดยน้องชายได้ยินเสียงดังคล้ายกับมีอะไรระเบิดจำนวนสองครั้ง จึงได้หันมาดูที่คอกแพะ ปรากฏว่าเห็นกลุ่มควันพวยพุ่งขึ้นมาจากคอกแพะ ตนจึงได้รีบวิ่งมาดูเมื่อมาถึงพบว่าไฟได้ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากคอกแพะทำด้วยไม้
เวลานั้นแพะที่ตนเลี้ยงไว้ประมาณหกตัว ได้หนีไปที่ด้านหลังคอกแพะ ตนพยายามฝ่าเปลวไฟเข้าไปช่วยเปิดประตูเพื่อให้แพะวิ่งออกมา แต่ว่าไฟได้ลุกไหม้ไปทั่วทั้งหลัง ทำให้ต้องยอมถ้อยออกมายืนดูแพะแม่พันธุ์สุดที่รักที่ตนเลี้ยงมาด้วยความรักต้องตายไปต่อหน้าต่อตา ส่วนสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ตนเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดจากอะไรต้องรอให้ทางเจ้าหน้าที่ช่วยตรวจสอบเพื่อหาสาเหตุว่าเกิดจากอะไรกันแน่
อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่จะได้นำเรื่องดังกล่าวไปเข้าที่ประชุม เพื่อหาแนวทางการช่วยเหลือเยียวยาให้กับเจ้าของข้อแพะดังกล่าวต่อไป