เจ้าของเป็นงง เพื่อนบ้านยึดบ้านรอบ 2 อ้างครอบครองปรปักษ์

12 ก.พ. 67

เจ้าของบ้านงง เพื่อนบ้านยึดรอบ 2 อ้างครอบครองปรปักษ์ ที่ย้ายไปก่อนหน้านี้ย้ายชั่วคราวเพราะถูกทัวร์ลง ทนายเดชาลั่นครอบครองไม่ถึง 10 ปี อย่าหน้าด้าน

 

จากกรณีเจ้าของบ้านปล่อยบ้านร้าง ย่านรามอินทรา มานานกว่า 30 ปี จนกระทั่งมีเพื่อนบ้านเข้าไปยึดทำเป็นร้านอาหาร จนเกิดเป็นการฟ้องร้องกัน ก่อนที่คู่กรณีจะขนย้ายของออกไป ล่าสุดมีข้อมูลจากเจ้าของบ้านว่าได้กลับไปที่บ้านหลังเกิดเหตุอีกครั้ง พบว่าคู่กรณีมีการนำของกลับเข้ามาภายในบ้านอีกครั้ง พร้อมติดป้ายห้ามบุกรุก และได้กรรมสิทธิ์ครอบครองโดยปรปักษ์ตามกฎหมาย

เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่บ้านหลังดังกล่าว ซึ่งอยู่ภายในซอยรามอินทรา 58 แยก 6-2 พบว่าบ้านปิดเงียบ ไม่มีคนอยู่ภายในประตูรั้วมีการล็อกด้วยแม่กุญแจ และติดป้ายเป็นร้านขายไก่ทอด พร้อมเบอร์โทรศัพท์ 2 หมายเลข จากการตรวจสอบพบว่าเป็นเบอร์โทรศัพท์ของนางสาวศรีพรรณ คู่กรณี ทีมข่าวพยายามโทรศัพท์ไปพูดคุยแต่ไม่มีใครรับสาย และอีกเบอร์จากการตรวจสอบพบว่าเบอร์โทรศัพท์ดังกล่าวไม่ใช่เบอร์โทรของนางสาวศรีพรรณ

หลังจากที่ทีมข่าวเดินทางออกจากหน้าบ้านหลังดังกล่าวเพียง 10 นาที แล้ววนกลับมาดูที่บ้านหลังดังกล่าวอีกครั้ง พบว่าป้ายร้านไก่ทอด พร้อมเบอร์โทรศัพท์นั้น ได้มีคนใช้ของมีคมตัดเบอร์โทรศัพท์ทั้ง 2 เบอร์ทิ้งไป

ส่วนภายในบ้านพบมีอุปกรณ์เครื่องครัวทำอาหาร โต๊ะ เก้าอี้ และอุปกรณ์เปิดร้านอาหาร ที่ประตูรั้วป้ายกระดาษติดไว้

ล่าสุดทีมข่าวได้คลิปวิดีโอตอนที่ น.ส.อาย ลูกสะใภ้ของเจ้าของบ้านหลังดังกล่าว ได้เข้าไปตรวจสอบตรวจสอบบ้าน พบว่า มีการนำข้าวของเครื่องใช้เอาไว้ในบ้าน พร้อมกับติดป้ายร้านไก่ทอดเอาไว้ เธอจึงโทรศัพท์ไปพูดคุยกับทนายของคู่กรณี พร้อมกับบอกว่าที่ผ่านมาเคยพูดคุยกับทางคู่กรณีจนมีการย้ายออกไปแล้ว แต่เมื่อกลับมาตรวจสอบล่าสุดพบว่ามีการนำข้าวของเครื่องใช้เข้ามาในบ้านอีกครั้ง ซึ่งทนายของคู่กรณีบอกว่า เป็นการครอบครองปรปักษ์ ทางคู่กรณียังไม่ได้สละสิทธิ์จากบ้านหลังดังกล่าว ที่ผ่านมาเป็นเพียงการย้ายออกชั่วคราวเพราะโดนทัวร์ลง ยังไม่ได้สละสิทธิ์การเป็นเจ้าของบ้าน

นอกจากนี้ยังมีคลิปวิดีโอที่ทาง น.ส.อาย ลงพื้นที่ไปพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อยืนยันว่าบ้านหลังนั้นดังกล่าวนั้นถูกบุกรุกอีกครั้ง

ในเรื่องดังกล่าวล่าสุดทาง ทนายเดชา ได้ให้สัมภาษณ์ในมุมของกฎหมาย เผยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นย้อนกลับเมื่อช่วงเดือน ก.ย.2566 ทางด้านผู้เสียหายได้มีการเข้ามาปรึกษาหลังจากโดนเพื่อนบ้านเข้าไปบุกรุกบ้านที่ทางผู้เสียหายได้รับเป็นมรดก โดยตอนนั้นทางผู้เสียหายได้มีการตรวจสอบพบว่า ในส่วนของเพื่อนบ้านที่เข้าไปบุกรุกเริ่มมาการเคลื่อนย้ายสิ่งของและเข้าไปครอบครองประมาณปี 2560 ก่อนที่ทางเจ้าของบ้านจะมีการฟ้องร้องและแจ้งความดำเนินคดีกับ 5 บุคคลคู่กรณีไว้ที่ สน.โคกคราม 3 ข้อหา คือบุกรุก ลักทรัพย์ ทำให้เสียทรัพย์ ก่อนที่ทางเจ้าของบ้านตัวจริงจะเข้ามาล็อกแม่กุญแจ และให้ทางฝั่งผู้บุกรุกเอาของออกไป ซึ่งทางฝั่งคู่กรณีก็มีการเจรจาจะขอชื้อบ้าน แต่ตกลงกันไม่ได้ จึงทำให้ต่างฝ่ายต่างแยกย้าย โดยฝั่งที่เข้ามาบุกรุกก็ยอมขอโทษ และสัญญาว่าจะไม่เข้ามาในพื้นที่อีก

แต่ปรากฎว่าผ่านไปประมาณ 4 เดือน ช่วงเดือน พ.ย.2566 ทางฝั่งคู่กรณีกลับไปยื่นคำร้องต่อศาล เพื่อใช้อำนาจในการเข้ายึดบ้านของเขา อ้างกรรมสิทธิ์ครอบครองปรปักษ์ ก่อนจะไปฟ้องแพ่งเจ้าของบ้านตัวจริง พร้อมกับมีการขนย้ายสิ่งของเข้าไปอยู่ใหม่อีกครั้ง เปิดเป็นร้านอาหาร ยิ่งไปกว่านั้นภายหลังที่เจ้าของบ้านทราบเรื่องแล้ว แต่ฝั่งคู่กรณีกลับไม่ยอมถอย เอากุญแจมาล็อกหน้าบ้าน และเปิดเป็นร้านไก่เสียบ ซึ่งทางเจ้าของบ้านเองเลยตัดสินใจไปแจ้งความใหม่อีกครั้งในข้อหาตามเดิม กับ บุคคลคู่กรณีรายเดิม

เผยจากพฤติการณ์ที่เกิดขึ้นตนมองว่าเป็นการเข้าใจ หรือแนะนำจากกูรูนักกฎหมายที่ผิดพลาด เพราะตามข้อกฎหมาย ในส่วนของการครอบครองปรปักษ์ คือ การแย่งกรรมสิทธิ์โดยการครอบครอง มีได้ทั้งอสังหาริมทรัพย์ และสังหาริมทรัพย์ ซึ่งในส่วนบ้านนั้นถือเป็นอสังหาริมทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1382 คนที่จะยึดถือทรัพย์สินของผู้อื่นไว้โดยสงบ และเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ ถ้าเป็นอสังหาริมทรัพย์ต้องครอบครองติดต่อกัน 10 ปี ถ้าเป็นสังหาริมทรัพย์ต้องครอบครองติดต่อกัน 5 ปี ซึ่งจากที่เจ้าของตรวจสอบ ก็พบว่าเขาย้ายเข้ามาอยู่และบุกรุก เมื่อปี 2560 เท่ากับระยะเวลาไม่ได้ถึง 10 ปี ตามกฎหมายที่กำหนด หนำช้ำช่วงที่เป็นคดีความช่วงปลายปี 2566 เขาเองก็ย้ายของออกไป ไม่ได้มีการครอบครองต่อเนื่อง ซึ่งดูแค่ 2 ข้อ ก็ไม่เข้าข่ายการครอบครองโดยปรปักษ์อยู่แล้ว มองเหตุผลที่อ้างฟังไม่ขึ้น

มองเหตุการณ์ครั้งนี้เจตนาเห็นชัดเจนเลยว่าเป็นการตั้งใจเข้ามาบุกรุก และยึดบ้านของเขา รวมไปถึงข้อกฎหมาย ศาลยังไม่ได้มีการตัดสินถึงที่สุด ทางฝั่งคู่กรณีก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะนำป้ายมาติดประกาศไม่ให้บุคคล ซึ่งเป็นเจ้าของที่ถูกต้องตามกฎหมายเข้าไปในพื้นที่  การนำป้ายไปติดอ้างว่าได้กรรมสิทธิ์ทั้งที่ยังไม่มีคำสั่งศาล มองว่าหน้าด้าน ไม่ถูกต้องและเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ เชื่อเรื่องนี้ดำเนินคดีได้ไม่ยาก อยากให้อีกฝั่งคิดเยอะๆ ไม่ได้มองแค่อยากได้สิ่งของจากเขา ให้มองถึงความถูกต้อง บาปบุญคุณโทษด้วย ลั่นทางเจ้าของบ้านไม่ได้เครียด แต่โมโหกับสิ่งที่อีกฝ่ายไม่สำนึก พร้อมจะดำเนินคดีกับทุกคนที่เกี่ยวข้อง ล่าสุดดำเนินคดีไปแล้ว 5 ราย รวมถึงจะดำเนินคดีเบิกความเท็จ จะเอาให้ติดคุกให้หมดเลย.

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส