"ทารีน่า โบเทส" เปิดปมในใจเรื่องช็อตไมค์! เครียดถูกดราม่าข้อด้อยของตัวเอง

15 ก.พ. 67

ทารีน่า โบเทส เปิดปมในใจเรื่องช็อตไมค์! ยอมรับเครียดถูกดราม่าข้อด้อยของตัวเอง เป็นสิ่งที่อยากจะลืมมัน ภาพเหตุการณ์นั้นก็วนมาซ้ำๆ

 

สาวงามลูกครึ่งไทยแอฟริกัน "ขนม ทารีน่า โบเทส" จากเวทีมิสไทยแลนด์เวิลด์ 2566 เปิดใจถึงเรื่องราวชีวิตที่โดนบูลลี่ตั้งแต่เด็ก เพราะเป็นคนเอเชียผิวสีเหลือง เดินสายประกวดนางงามมาแล้วถึง 30 เวที ในอดีตเคยมีปมในใจโดนดราม่าเรื่องภาษาว่าช็อตไมค์ กว่าจะมีมงอย่างวันนี้ได้ต้องเพียรพยายามพัฒนาตัวเอง ในรายการ WOODY FM

ทารีน่า โบเทส

มาเมืองไทยกี่ปีแล้ว คุณเกิดที่ไหน ?
ทารีน่า : ทารีน่าเกิดและโตที่แอฟริกาใต้ และย้ายมาที่ประเทศไทย 4 ปีแล้วค่ะ

ตอนที่โตที่แอฟริกาใต้ชีวิตเป็นยังไงบ้างในฐานะที่เป็นลูกครึ่งไทย-แอฟริกาใต้ ?
ทารีน่า : ทารีน่ามีชีวิตที่ดีมาก แต่ที่โน้นหลายๆ คนไม่ได้ยอมรับ เขาไม่ได้มองทารีน่าเป็นคนแอฟริกาใต้ เขามองทารีน่าเป็นคนไทย แล้วตอนนี้คนก็ไม่ได้มองว่าทารีน่าเป็นคนไทย เขามองทารีน่าเป็นฝรั่ง (หัวเราะ) เพราะฉะนั้นทั้งสองประเทศไม่เคยมองทารีน่าแบบที่ทารีน่าเป็น

เหมือนว่าคุณไปไหน เขาก็ไม่คิดว่าคุณเป็นคนของที่นั่น ?
ทารีน่า : ใช่ค่ะ

ตอนเด็กที่โตขึ้นมาเจอปัญหาอะไรบ้าง การที่เขามองว่าคุณเป็นคนไทยที่แอฟริกาใต้ ?
ทารีน่า : หลายคนบูลลี่ทารีน่า เพราะว่าเป็นคนเอเชีย เขาไม่ได้ยอมรับในตัวตนที่ทารีน่าเป็น แล้วก็พูดว่าผิวสีเหลือง จะมีคำพูดแบบนั้นอยู่ตลอด แต่ว่ามันช่วยให้ทารีน่าโตขึ้นเป็นคนเข้มแข็งมากจริงๆ แล้วก็ไม่ยอมให้มันทำอะไรเราได้

ทารีน่า โบเทส

คุณได้พลังงานบวกจากไหนกับการที่เราจะสามารถมีพลังพอที่จะอยู่กับมันได้ ?
ทารีน่า : ตั้งแต่เด็กทารีน่าเป็นคนคิดในแง่บวกตลอดเวลาค่ะ ทารีน่าชอบส่งพลังบวกให้กับทุกคน รู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้หญิงที่คิดบวกอยู่เสมอตั้งแต่เด็ก ในการร่าเริงแล้วก็เป็นกันเอง และไม่เคยพูดคุยในแง่ลบ แล้วก็ไม่ยอมให้สิ่งนี้ทำอะไรเราด้วย ฉะนั้นถ้ามีใครมาแง่ลบใส่เรา ทารีน่าจะไม่สนใจ คิดแบบนี้ตลอดมาตั้งแต่เด็ก

เคยร้องไห้บ้างไหมตอนเด็กๆ ?
ทารีน่า : ไม่ร้องไห้ค่ะ ในแอฟริกาใต้มีการเหยียดเชื้อชาติมากมาย แต่ว่าเราได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่เป็นรัฐสายรุ้ง และเป็นสิ่งที่พวกเราทุกคนกำลังพยายามในการเรียนรู้ที่จะเคารพและรักซึ่งกันและกัน ไม่ว่าจะเป็นผิวสิแบบไหน

ตอนมาเมืองไทยเมื่อ 4 ปีที่แล้ว คุณเป็นคนที่ประกวดเยอะมาก 30 เวทีได้ไหม ?
ทารีน่า : ใช่ค่ะ เยอะมากค่ะ

ประสบการณ์จากการประกวด 30 เวที มีอะไรที่ได้เรียนรู้บ้าง ?
ทารีน่า : อย่างที่บอกค่ะต้องคิดบวกอยู่เสมอ ไม่เปรียบเทียบกับคนอื่น เพราะว่าวันนี้เราอยู่ในโลกที่แสวงหาการยอมรับจากผู้อื่นอย่างมาก แล้วเราก็ไม่พอใจในสิ่งที่เราเป็น แต่มันสำคัญที่จะรู้ว่าเราเป็นใคร เรายืนหยัดเพื่ออะไร อย่าให้คนอื่นมาทำอะไรเรา มันสำคัญมากที่ต้องมีความคิดที่แข็งแรง นั่นเป็นสิ่งที่ทารีน่าเรียนรู้จากการเป็นนางงาม สอนให้เป็นคนที่แข็งแกร่งขึ้นจริงๆ

ทารีน่า โบเทส

ทำไมถึงรู้ตัวเองว่าอยากเข้ามาสายนี้ อะไรที่รู้สึกว่าฉันชอบและอยากจะทำต่อไปเรื่อยๆ ?
ทารีน่า : เพราะความเพียรและความชอบ ให้เราทำตามความฝันได้ รู้สึกว่าทุกคนบนโลกนี้มีความฝันหมด แต่การมีฝันคือการที่เรามองภาพ อยากจะให้จุดหมายของเรามุ่งมั่นไปสู่มัน ก็ขึ้นอยู่กับเราที่จะค้นหาจุดประสงค์ของตัวเอง และทำให้แน่ใจว่ามันจะกลายเป็นความจริง ทารีน่าชอบเป็นนางงาม ชอบเดินบนเวที มันคือการรวมกันของทุกสิ่งที่ทารีน่ารัก ไม่ใช่แค่ได้ใส่เสื้อผ้าสวยๆ แต่เกี่ยวกับความเป็นผู้นำและความรับผิดชอบด้วย และทารีน่าชอบช่วยเหลือสังคมและได้มอบพลังบวกให้พวกเขา

ภาษาไทยเป็นภาษาที่ยากไหม ?
ทารีน่า : ยากมากค่ะ เพราะว่าตั้งแต่เด็กทารีน่าไม่พูดภาษาไทยกับคุณแม่ แล้วตอนที่ย้ายมาประเทศไทยเมื่อ 4 ปีที่ผ่านมาพูดภาษาไทยไม่ได้เลย ไม่สามารถสื่อสารกับคนไทย ทุกวันทารีน่าต้องไปเรียนพูดภาษาไทย 1 ชั่วโมงต่อวัน แต่รู้สึกว่าไม่พอ หลังจากนั้นทารีน่าก็ไปเรียนภาษาไทย 3 ชั่วโมงต่อวันแล้วก็เห็นความแตกต่าง ช่วยได้เยอะมาก

ทารีน่า โบเทส

มีอะไรที่กลัวตอนอยู่บนเวที ?
ทารีน่า : ตื่นเต้นมากเวลาตอบคำถามค่ะ คิดว่ามันเป็นส่วนที่ทำให้เครียดที่สุดสำหรับทุกคนบนเวที แล้วเวลาทารีน่าเดินบนเวทีรู้สึกมีความสุขมากๆ แต่ว่าเวลาตอบคำถามเรารู้สึกเหมือนหัวใจจะหลุดออกมา แต่ก็เตือนตัวเองว่าใจเย็นๆ เราทำได้แล้วก็พูดออกมาจากใจ

ที่ผ่านมาไม่ได้มีโอกาสสื่อสารได้อย่างครบถ้วนในภาษาไทย ตอนที่ตอบคำถาม แล้วมันก็เป็นปมที่อยู่ในใจ ความรู้สึกตอนนี้เป็นยังไง ได้เรียนรู้อะไรจากเหตุการณ์ในวันนั้น ?
ทารีน่า : วันนั้นเป็นวันที่ทารีน่าไม่มีวันลืมค่ะ จริงๆ มันเกิดขึ้นกับทารีน่า 2 ครั้ง ที่เคยประกวดแล้วก็มีปัญหานี้ เพราะว่าตอนนั้นเครียดคิดมากและคิดไม่ออก รู้สึกว่าฉันรอคอยเวลานี้มานานมากแล้วมันก็พังในเวลา 30 วินาที รู้สึกเสียใจอยากร้องไห้ด้วย หลังจากที่เรื่องนั้นเกิดขึ้น

ภาพเหตุการณ์นั้นก็วนมาซ้ำๆ แล้วจนรู้สึกว่าต้องขอร้องอ้อนวอนพระเจ้าให้เอาความทรงจำเรื่องนี้ออกไปจากสมอง อยากจะลืมมันไปเลย ไม่ว่าไปที่ไหน ผู้คนก็จะพูดถึงเรื่องเดิมว่า ยูช็อตไมค์! มีมงกฎอยู่แล้ว แต่ขว้างทิ้งไปเลย แล้วทุกคนก็ถามเรื่องนั้นตลอด รู้ไหมมันเป็นสิ่งที่ทารีน่าอยากจะลืมมัน มันเป็นข้อด้อย

แต่ทารีน่าก็เก็บเอาช่วงเวลานั้นมาพัฒนาตัวเองตลอดเวลานะคะ ไปเรียนรู้ฝึกฝนการพูดในที่สาธารณะ เพราะอยากเอาข้อด้อยนั้นมาเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ และตอนประกวดที่มิสไทยแลนด์เวิลด์ ก็รู้สึกว่ามันเป็นเวอร์ชั่นที่ดีที่สุดที่ทารีน่าเคยเป็น มีการสัมภาษณ์ทุกวันเราสามารถตอบคำถามได้ดี ผลตอบรับก็ดีมากๆ เลยรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ได้เรียนรู้จากอดีต และใช้สิ่งนั้นมาพัฒนาให้เป็นตัวเราในวันนี้

ทารีน่า โบเทส

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวบันเทิง เป็นกระแส