ชาวบ้านและพระสงฆ์มีมติให้ทำเชิงตะกอนแบบเดิมเพื่อเผาศพแบคโฮถูกเมรุทับ ชาวบ้านมาร่วมไว้อาลัยล้นวัด เผยผู้ตายขยันเป็นเสาหลักของครอบครัว
กรณีวัดศิริมงคลบ้านสว่าง ม.1 ต.สว่าง อ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด ทำการรื้อถอนเมรุเก่า หลังสร้างเมรุใหม่เสร็จ ซึ่งระหว่างการรื้อถอน จู่ๆเมรุได้ล้มทับรถแบคโฮที่กำลังรื้อถอน โดยมี นายสุพจน์ ฤทธิ์ไธสงค์ อายุ 59 ปี เป็นคนขับเสียชีวิตคาที่
วันนี้ ( 16 ก.พ.66) ชาวบ้านและพระสงฆ์ทำกองฟอนหรือเชิงตะกอนแบบเดิมๆเพื่อเผาศพ โดยไม่อนุญาตให้เผาในเมรุที่สร้างใหม่เพราะความเชื่อกลัวเป็นเหตุอาเพศและอาถรรพ์ที่เผาศพที่ตายเพราะเมรุพังทับ อีกอย่างศพแรกที่เผาต้องเป็นคนอายุมาก70-80 ปี
บรรยากาศวันนี้มีลมเล็กน้อย ทางองค์การบริหารส่วนตำบลสว่าง ได้จัดเตรียมรถดับเพลิงเพื่อที่จะสกัดในช่วงทำพิธีเผาป้องกันไฟลุกลามไปที่อื่น
จากการสอบถามชาวบ้าน พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าผู้เสียชีวิตเป็นคนขยัน นิสัยดี ตั้งใจทำงาน ทำมาหากินเลี้ยงครอบครัว ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ก็เสียใ จแต่ก็ยังมีความคิดว่ามันอาจเกิดเพราะความใจร้อน ที่คิดว่าอยากจะทำให้เสร็จ หรือหลายคนอาจจะคิดว่าล่วงเกินในสิ่งลี้ลับก็อาจจะเป็นไปได้
แม่ค้าในหมู่บ้านบอกว่า ก่อนที่จะมีเหตุสลดขึ้นนั้น มีเสียงกาและสุนัขเห่าหอนรับกันเป็นทอดๆ หลังจากเสียงแบบนี้ก็ไม่นาน วันสองวันก็จะมีคนเสียชีวิต ถ้ามี 1 ศพและก็จะมีอีก 2 อีก 3 ตามมา ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน
ด้านภรรยาของผู้เสียชีวิต ได้บอกว่า สามีเป็นเสาหลัก เป็นฮีโร่ของในครอบครัว ซึ่งหลังจากนี้ก็ยังไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อไป แต่ก็ต้องคุยๆกับลูกๆว่าเราต้องดำเนินชีวิตอยู่ต่อไป ซึ่งครั้งนี้ก็เป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ และเสียใจเป็นอย่างมาก ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ตนและครอบครัวก็ไม่ได้โทษใคร ถือว่าเป็นอุบัติเหตุ วันนี้ต้องขอบคุณญาติพี่น้อง เพื่อนพ้องและคนในหมู่บ้าน ซึ่งมาร่วมส่งสามีจนล้นวัด
ขณะที่นายรณชัย หมั่นอินกูฎ เจ้าของรถแบคโฮ กล่าวว่า ผู้เสียชีวิตเป็นคนที่สมถะ มีความเชื่อถือได้ ไม่มีความทุจริต และเป็นที่ไว้เนื้อเชื่อใจกับพี่น้องพ้องเพื่อนได้เป็นอย่างดี และก็เคยได้พูดกับตนว่า 60 ปีจะขอเกษียณ แต่ยังไม่ถึง 60 ปีก็ไปเสียก่อน ส่วนการช่วยเหลือหลังจากเสร็จงานศพ ก็จะไปคุยกันในครอบครัวว่าจะช่วยเหลือด้านไหนอย่างไรบ้าง เพราะว่าเราอยู่กันแบบครอบครัว.