สายไหมต้องรอดพาแม่ของหญิงสาวตายทั้งกลมขณะรอทำคลอดที่ รพ.แห่งหนึ่งใน จ.นครสวรรค์ เข้าร้องขอความเป็นธรรมที่ศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ทำเนียบรัฐบาล
วันที่ 19 กุมภาพันธุ์ 2567 เวลา 10.30 น. จากกรณี ญาติและครอบครัวติดใจสงสัยเกี่ยวกับการเสียชีวิตของนางสาวรุ้งดาว มาสิงห์ อายุ 36 ปี และลูกในครรภ์ ซึ่งได้เสียชีวิตจากการไปรอทำคลอดอยู่ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน จ.นครสวรรค์ จึงร้องไปยังเพจสายไหมต้องรอด วันนี้นาย เอกภพ เหลืองประเสริฐพร้อมทีมงานสายไหมต้องรอด จึงพาแม่ของผู้เสียชีวิตเข้าร้องขอความเป็นธรรมต่อนายกรัฐมนตรี ผ่านศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ทำเนียบรัฐบาล
โดยมี ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตอารีรัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรี เป็นตัวแทนรับเรื่องและได้กล่าวว่า ได้รับรู้เรื่องแล้วในประเด็นที่ญาติสงสัยของผู้เสียชีวิตที่ตายทั้งกลมและเหมือนมีสารบางอย่างอยู่ในตัว โดยจะประสานไปยังสถาบันนิติวิทยาศาสตร์และเร่งดำเนินการพิสูจน์ว่าผลการรักษาการดูแลเป็นไปตามขั้นตอนหรือไม่ และประสานในส่วนของกรมคุ้มครองสิทธิเสรีภาพในเรื่องของการเยียวยาชดเชยและรอผลผ่าพิสูจน์ว่าเป็นการกระทำโดยประมาทหรือไม่ เพื่อนำเอกสารมาประกอบและแจ้งความเอาผิดกับทางโรงพยาบาลและจะประสานกรมสาธารณสุขเพื่อตรวจสอบทางโรงพยาบาลว่าดำเนินการอย่างถูกต้องหรือไม่รวมถึงประสานกับทางโรงพยาบาลเพื่อให้ออกมาชี้แจงเรื่องของการดูแลรักษาต่อไป
นาง น้ำค้าง นกลอย อายุ 55 ปี แม่ของผู้เสียชีวิตกล่าวว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อช่วงกลางดึกคืนวันที่ 30 มกราคม ที่ผ่านมา ตอนนั้นนางสาวรุ้งดาว เริ่มปวดท้อง และมีอาการข้างเคียงจากการตั้งครรภ์ จึงได้แจ้งให้รถโรงพยาบาลมารับ เพื่อนำไปตรวจอาการยังโรงพยาบาลที่เกิดเหตุ เมื่อไปถึงแพทย์ได้ให้บุตรสาวนอนพักอยู่ในห้องรวมผู้ป่วยภายในโรงพยาบาล เพื่อเตรียมทำคลอด
แต่เนื่องจากขณะนั้น ตนรวมถึงญาติพี่น้องคนอื่น ๆ ต่างติดภาระจากหน้าที่การทำงานอยู่ต่างจังหวัด จึงไม่มีใครไปช่วยอยู่เฝ้าตลอดเวลา
เมื่อวันที่ 31 มกราคม ตนได้ลาหยุดงานจาก จ.อยุธยา เพื่อเดินทางมาเยี่ยมลูกสาว พร้อมกับนำของกินของใช้มาให้ ซึ่งก็ยังเห็นเขายิ้มแย้ม ดูแข็งแรงเป็นปกติอยู่เลย อีกทั้งเขายังคุยแบบอารมณ์ดีด้วย โดยบอกว่าเขาดีใจมากที่รู้ว่าเขาจะได้ลูกชาย ตนจึงโผเข้าไปกอดหอมลูกด้วยความดีใจ พร้อมกับให้กำลังใจเขา
กระทั่งเวลาผ่านมาถึงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ มีโทรศัพท์ของลูกสาวโทรเข้ามาหาตน แต่เสียงปลายสายกลับเป็นเสียงของพยาบาล พูดกับตนด้วยท่าทีตกใจว่า ให้รีบมาดูลูกสาวด่วน เพราะคนไข้กำลังอยู่ในอาการวิกฤติหนัก โดยตอนอัลตร้าซาวด์หมอบอกลูกเป็นเด็กชายแต่พอแม่เสียชีวิตผ่าคลอดออกมาเป็นเด็กผู้หญิง หลังจากลูกสาวเสียชีวิตแล้วทางโรงพยาบาลไม่มีการติดต่อและชี้แจ้งแต่อย่างใด
นาย อภินันท์ มาสิงห์ อายุ 34 ปี น้องชายกล่าวว่า ตนไม่แน่ใจว่าสารที่พี่สาวได้รับเป็นสารอะไร แต่ทางโรงพยาบาลแจ้งว่าเป็นสารกันชัก โดยตนติดใจและสงสัยว่าพี่สาวของตนนั้นเสียชีวิตเนื่องจากอะไรเพราะในปัจจุบันมีการพัฒนาการแพทย์ที่ทันสมัย การตายทั้งกลมจึงไม่น่าเกิดขึ้นได้ และพี่สาวของตนนั้นเคยมีประสบการณ์มีลูกมาก่อนแล้ว ท้องนี้เป็นท้องที่ 3 ซึ่งมีการเตรียมตัวมาอย่างดี ตอนนั้นพี่สาวเกิดอาการช็อกอยู่ที่เตียงคนไข้ จนต้องรีบนำตัวเข้าห้องไอซียูเป็นการด่วน แต่ในระหว่างการช่วยชีวิต อาการทรุดหนักกว่าเดิมแล้วชีพจรก็ขาดไป ซึ่งถึงแม้จะช่วยกันปั๊มหัวใจอยู่นานกว่า 40 นาที จนชีพจรของพี่สาวกลับคืนมาแล้ว แต่เมื่อนำตัวส่งต่อไปยังโรงพยาบาลอีกที่หนึ่งใน จ.นครสวรรค์ ชีพจรของพี่สาวก็ขาดไปอีกรอบ ซึ่งตนรู้สึกว่ามันช้าไปไหมเพราะพี่สาวมีอาการตั้งแต่เช้าแต่มาส่งตัวเวลาประมาณ 12.00น. ตอนที่พี่สาวอยู่โรงพยาบาลใหญ่ในเมืองนครสวรรค์ มีน้าสาวตนที่ตามมาทัน และอยู่ในเหตุการณ์ เขาเล่าว่า หมอของที่นั่นก็พยายามยื้อชีวิตพี่สาวผมอยู่นาน แต่อาการของพี่สาวไม่มีทีท่าที่จะดีขึ้นเลย จนเขาต้องตัดสินใจผ่าท้อง เพื่อช่วยชีวิตเด็กในครรภ์ออกมาก่อน แต่สุดท้ายก็ไม่ทัน เพราะเด็กในครรภ์ได้เสียชีวิตไปก่อนที่พี่สาวจะสิ้นลมหายใจ จากนั้น ก็มีเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลต้นเรื่องเดินเข้ามาถามน้าสาวว่า พี่สาวของตน เขาเคยแพ้ยาอะไรหรือไม่ เพราะในระหว่างที่พี่สาวช็อก ได้มีการฉีดยากันชักให้ก่อนจะเกิดอาการทรุดหนักกว่าเดิม จึงทำให้สงสัยในประเด็นนี้เป็นอย่างมาก
นาย อนุวัฒน์ แก้วสุก อายุ 34 ปี สามีของผู้เสียชีวิตเล่าเรื่องเฮี้ยนของภรรยาที่ตายทั้งกลมเหมือนกับยังมีห่วง และมาเรียกร้องความเป็นธรรมเนื่องจากลูกของตนปกติจะเป็นคนไม่ชอบทานอาหารอย่างเช่น เย็นตาโฟ แต่หลังจากแม่เสียชีวิต กลับชอบกินอาหารที่ภรรยาชอบและกินได้มากกว่าปกติ และลูกของตนนั้นชอบชี้และชอบพูดว่าแม่จ๋า ๆ เห็นแม่อยู่เพดานบ้าง เห็นแม่อยู่ห้องน้ำบ้าง และตนนั้นฝันถึงตอนเผาศพของภรรยาแต่พอเปิดฝาโรงมา เห็นแม่และเด็กร้องและตื่นขึ้นมาจากโลงเหมือนกับว่าเค้าไม่อยากให้เผา
ทั้งนี้ครอบครัวตัวสินใจไม่เผาศพและจะเดินหน้าร้องขอความเป็นธรรมต่อไป