คุมตัว "ศิริชัย" ทำแผนฆ่าเอาหินทับหัว "นุ่น" ก่อนทิ้งศพในป่าเผาอำพราง สะอื้นหนักขอโทษเมีย หากได้ออกมาจะปรับปรุงตัว
จากกรณี น.ส.ชลลดา มุธุวงศ์ หรือ นุ่น อายุ 27 ปี หายไปตัวอย่างเป็นปริศนา หลังลงจากรถของนายศิริชัย หรือทอย ผู้เป็นสามีกลางดึกวันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา แล้วหายไป จากนั้นผู้สื่อข่าวอมรินทร์ทีวีพบศพปริศนาถูกเผาอยู่กลางป่าในปราจีนบุรี ซึ่งบนโครงกระดูกพบสร้อยข้อมือเหมือนกับที่ น.ส.นุ่น สวมใส่แล้วถ่ายลงโซเชียล ก่อนที่สามีที่ถูกสอบสวนอย่างหนักจะรับสารภาพว่าเป็นคนลงมือก่อเหตุเอง
วันนี้ (21 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศตั้งแต่ที่สถานีตำรวจภูธรปากเกร็ด หลังตำรวจสอบปากคำจนถึงช่วงประมาณเกือบ 10.00 น. ได้คุมตัวนายทอยออกจากห้องสอบปากคำขึ้นรถตู้มุ่งหน้าไปยังจุดทำแผนจุดแรก โดยระหว่างที่นำตัวออกมาจาก สภ.นายทอยไม่ได้ตอบคำถามใดๆ กับสื่อที่พยายามจะสอบถามถึงมูลเหตุจูงใจในการฆ่าภรรยาของตัวเอง
จุดที่ 1 ในหมู่บ้านย่านเมืองทองธานี ซึ่งเป็นอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณชั้น 1 นายทอยได้นำตัวนุ่นกลับบ้าน ซึ่งทั้งคู่ทะเลาะกันอีกรอบ ทำให้นายทอยบันดาลโทสะคว้าอิฐบล็อกทุบหัวนุ่นจนเสียชีวิต จึงนำร่างใส่กระเป๋าเพื่อเตรียมเอาศพไปทิ้งโดยใส่ไว้ที่เบาะหลังคนขับ
จุดที่ 2 บริเวณปั๊มน้ำมันที่นายทอยแวะซื้อน้ำมัน 2 แกลลอน เพื่อใช้ในการเผาศพนุ่น ซึ่งจุดนี้นายทอยไม่ได้ลงจากรถ ตำรวจให้ชี้จุดผ่านกระจกเท่านั้น
จุดที่ 3 คือ บริเวณริมถนนตามกล้องวงจรปิดที่นายทอยได้ทำร้ายภรรยาด้วยการเตะหน้าและใช้หินทุบหัวก่อน แต่ตอนนั้นยังไม่เสียชีวิต
ระหว่างคุมตัวออกมาขึ้นรถเพื่อไปทำแผนจุดต่อไป ผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถาม ถึงมูลเหตุจูงใจของการก่อเหตุครั้งนี้ นายทอยเปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า โมโหและเมา หากได้ออกมาจะปรับปรุงตัว เป็นใครจะไม่เสียใจ อยากขอโทษนุ่น ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า อยากขอโทษครอบครัวของผู้เสียชีวิตด้วยหรือไม่ นายทอยตอบว่าอยากขอโทษ โดยระหว่างตอบเสียงสะอื้นผ่านแมสก์ออกมา เมื่อถามว่า อยากบอกอะไรกับนางสาวนุ่นเป็นครั้งสุดท้าย นายทอยตอบว่า จะทำตามสัญญาที่ได้ให้ไว้ก่อนเอาร่างไปเผาทิ้ง แต่ไม่บอกว่าเป็นสัญญาเรื่องอะไร