เพื่อนสนิท เผย ทอย เคยบอกว่าเห็นความรุนแรงตั้งแต่เด็กแม่ตีพ่อ จึงเลือกทำร้ายคนอื่น คบแฟนกี่คนก็ทำร้ายร่างกาย แถมด้อยค่านุ่นสาวขายบริการ
จากกรณี น.ส.ชลลดา มุธุรงศ์ หรือ นุ่น อายุ 27 ปี หายไปตัวอย่างเป็นปริศนา หลังสามีอ้างว่าทะเลาะกันแล้ววิ่งลงขึ้นแท็กซี่
ซึ่งต่อมาทีมข่าวอมรินทร์ทีวี คุณเนม ภาณุพงศ์ สุรภาพ ไปเจอโครงกระดูกถูกเผาอำพราง ในป่า พื้นที่ตำบลหนองโพรง อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งโครงกระดูกมีสร้อยข้อมือ คล้ายกับที่น้องนุ่น ใส่ในวันที่หายตัว
กระทั่งต่อมานายศิริชัย รักทอง สามีน้องนุ่น เปิดปากสารภาพว่าลงมือทำร้ายเมียจนเสียชีวิตแล้วนำศพไปเผาอำพรางที่ป่า ในอำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี จุดที่ทีมข่าวเราพบโครงกระดูก
เมื่อเวลา 12.30 น.วันที่ 21 ก.พ.67 ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก น.ส.มิ้น อายุ 27 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของ นุ่น ผู้เสียชีวิตและเป็นอดีตหุ้นส่วนร้านอาหารกับนายศิริชัย สามีของนุ่น ได้นำแชตของของ น.ส.นุ่นที่เคยทักขอความช่วยเหลือเมื่อ 2 ปี ที่แล้วหลังถูกนายศิริชัยทำร้ายร่างกาย จนได้รับบาดเจ็บตาปูด มีรอยฟกช้ำตามใบหน้า รวมถึงเอามือถือไปทุบทิ้ง จึงนำเรื่องราวมาเปิดเผยให้กับผู้สื่อข่าวถึงพฤติกรรมของนายศิริชัย ที่ชอบทำร้ายร่างกายแฟนสาวหลายคนที่เคยคบหา
น.ส.มิ้น กล่าวว่า ตนรู้จักกับนายศิริชัย หรือทอย เนื่องจากเคยเป็นอดีตหุ้นส่วนร้านอาหารกับตน ส่วนนุ่น ตนมารู้จักทีหลัง เนื่องจากเพิ่งมาคบกับทอยได้เมื่อประมาณต้นปี 2564 ซึ่งก่อนหน้าที่ทอยจะคบกับนุ่น ตนรู้จักแฟนเก่าของทอย ได้ทักมาหาตนว่าถูกนายทอยทำร้ายร่างกาย ขอความช่วยเหลือ ปรึกษาว่าไม่อยากอยู่กับคนแบบนี้ จากนั้นก็ได้เลิกรากันไป ต่อมาประมาณ 2-3 เดือน ทางนุ่นก็ได้เข้ามา แล้วทั้งคู่ก็คบกันมาจนกระทั่งมีลูกน้อย หลังจากนั้นก็มีเรื่องทะเลาะกันมาโดยตลอด ซึ่งทางนุ่นก็จะคอยทักมาบอกตนว่าถูกทำร้ายร่างกาย ซึ่งทั้ง 2 คนเคยเป็นแฟนเก่ากันมาก่อน
โดยนุ่น เล่าว่าระหว่างคบกันถูกทำร้ายร่างกายจนตาปูดบวม มีรอยฟกช้ำตามใบหน้า รวมถึงเอามือถือของนุ่นไปทุบทิ้ง ซึ่งก็มีอีกเหตุการณ์เมื่อประมาณวันที่ 8 ก.ค.66 ทางนุ่นเคยโทรหาตนให้ไปรับ เพราะถูกนายทอยร้ายร่างกายจนฟันหัก ตนจึงรีบไปรับนุ่นที่บ้านแล้วรีบเก็บของพานุ่นและลูกมานอนพักที่บ้านประมาณ 5 วัน ระหว่างนั้นตนก็ได้พูดปลอบกับนุ่นถ้าไม่ไหวก็ออกมา เพราะว่าตนสงสารลูกของนุ่นมาก ซึ่งเรื่องนี้ตนพยายามพูดคุยทั้งด่า ทั้งเตือนนายทอยว่าอย่าทำแบบนี้ แต่ทอยเป็นคนที่พูดไม่ค่อยจะฟัง โดยทอยจะเป็นคนที่เงียบๆพออยู่กับเพื่อนพี่น้อง และเป็นคนพูดจาไม่ค่อยน่าเชื่อถือ ทำเป็นคนมีเงินมีอำนาจ แต่เท่าที่รู้จักจะเป็นคนที่ไม่กล้าด่าใคร ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนพี่น้อง นอกจากแฟนที่จะด่าทอและทำร้ายร่างกาย ส่วนนิสัยของนุ่นก็จะเป็นคนขี้น้อยใจ งอแงบ้างตามประสาแฟน แต่เป็นคนน่ารัก แต่ทุกครั้งเวลาที่ 2 คนทะเลาะกันผ่านไปไม่ถึง 1-2 วัน ก็กลับมาคืนดีกัน ช่วงหลังตนก็รู้สึกชินกับเรื่องของทั้งคู่
น.ส.มิ้น กล่าวต่อว่า เรื่องของทั้งสองคน ตนรู้จักทั้งคู่ เตือนนุ่นไม่รู้กี่ครั้งว่าไม่ไหวให้ออกมา แต่นุ่นก็บอกว่ารักแฟนคนนี้ ซึ่งตนก็พูดมากไม่ได้เพราะทั้งสองรักกัน แต่ก็เตือนว่าอย่าออกมาประจานกัน ซึ่งวันนี้ตนก็นำแชตของนุ่นที่เคยส่งให้ตนมาให้ผู้สื่อข่าวดู มีการด่าหยาบคาย ข่มขู่ ด้อยค่าเป็นสาวขายบริการ และแชตที่นุ่นโทรขอความช่วยเหลือตน ซึ่งตอนที่ทราบข่าวตนรู้สึกตกใจมากไม่คิดว่าทอย จะกล้าทำถึงขั้นฆ่าอำพรางศพ
น.ส. มิ้น กล่าวต่ออีกว่า วันที่ 19 ก.พ.67 แม่ของตนได้วิ่งลงมาจากบ้านแล้วบอกตนด้วยความตกใจว่านุ่นหายตัวไป เพราะแม่ของตนจะสนิทกับทางทอย และนุ่นมาก แต่ตนไม่ได้ติดตามเฟซบุ๊กของทอย เพราะว่าไม่ชอบพฤติกรรมเลยไม่ทราบข่าวที่นุ่นหาย หลังจากที่ทราบข่าว ตนรีบโทรหานายทอย แล้วจะประสานนักข่าวประจำจังหวัดนนทบุรี ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของตนให้ไปทำข่าวช่วยตามหา แต่ทอยยึกยัก เหมือนยังไม่อยากให้ข้อมูลกับนักข่าว ตนจึงโทรพูดคุยสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทอยก็เล่าให้ตนฟัง แต่เล่าไม่เหมือนกับที่ให้ข้อมูลในข่าว โดยเล่าว่า วันที่เกิดเหตุด่านุ่น เพราะนุ่นไปกินเลี้ยงแล้วเล่นยา จึงไม่พอใจ แต่นุ่นเถียงจึงเดินลงจากรถลงที่คลองประปา จากนั้นก็ดึงกลับมาเข้ารถได้ จากนั้นก็ขับรถใกล้ถึงหน้าหมู่บ้าน นุ่นเดินลงรถและหายไปที่ถนนบอนด์สตรีท ซึ่งข้อมูลนี้คือทอยเล่าให้ตนฟัง
จากนั้นตนก็จะประสานนักข่าวให้กับทอย แต่ทอยก็ยังไม่อยากให้ข้อมูล ต่อมาทอยจึงไปแจ้งความที่ สภ.ปากเกร็ด วันที่ 19 ก.พ.67 ทอย บอกว่าจะไปหาตัวนุ่นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา เพราะ GPS ขึ้นอยู่ที่นั่น ตนกับแม่ก็ยังไม่เลิกเป็นห่วง ได้บอกกับทอยว่าให้เอาลูกมาที่บ้านก่อนจะเลี้ยงดูให้ ไม่อยากให้ลูกไปลำบากเพราะยังเป็นเด็กเล็กอยู่ แต่ทางทอยก็ไม่ฟังบอกลูกตัวเองชินแล้ว ซึ่งก็บอกต่ออีกว่าตอนที่ตนโทรหายางรถยนต์แตก กำลังเปลี่ยนยางอยู่ที่มีนบุรี จากนั้นตนก็ประสานเรื่องให้นักข่าวเพื่อนตนอีกรอบ แต่ก็บ่ายเบี่ยงอ้างนู้นนี่ และก็ทักมาบอกว่านักข่าวอยู่เต็มหน้าบ้าน
น.ส.มิ้น กล่าวต่ออีกว่า หลังจากที่ตนและแม่ตนได้ติดตามข่าวตั้งแต่ตอนแรก ที่มีข่าวลงว่านุ่นหนีขึ้นแท็กซี่ ตนกับแม่รู้สึกดีใจมากที่นุ่นจะได้เลิกกับผู้ชายคนนี้ หนีไปมีสามีใหม่ หรือหนีไปต่างประเทศยิ่งดี จะได้ไม่ต้องถูกทำร้ายร่างกายอีก แต่กลับได้ยินข่าวร้ายว่าพบศพนุ่น ที่ปราจีนบุรี เมื่อคืนที่ผ่านมาตนกับแม่รู้สึกตกใจ โกรธและโมโหอย่างมาก เพราะว่า ทอย ได้โกหกแม่ตนที่คอยเป็นห่วงทักแชตหาตลอดให้กำลังใจ ให้ความช่วยเหลือ แต่ทอยคอยหลบนักข่าว แม่ตนก็บอกว่าอย่าไปสนใจข่าวให้นั่งสมาธิ แต่มารู้ทีหลังว่าเป็นคนฆ่านุ่น แม่ตนจึงโพสต์แชต ข้อความที่โดนทอยหลอกมาโดยตลอดตามที่ตนให้กับผู้สื่อข่าว ซึ่งตนและแม่ตนยังคิดไม่ถึงว่าทอยจะทำแบบนี้ สุดท้ายนี้ระหว่างที่นุ่นยังมีชีวิตอยู่ตนเชื่อว่า ตนเป็นคนนึงที่ให้ความช่วยเหลือนุ่นเป็นห่วงนุ่นถึงที่สุดอยู่แล้ว รวมถึงลูกของนุ่นรักเหมือนเป็นหลานแท้ๆ สุดท้ายนี้ตนกับแม่เชื่อว่าเวรกรรมมีจริงให้ทอยได้ชดใช้กรรมตามกฎหมาย ซึ่งก่อนหน้านี้แม่ตนก็เคยสอบถามทอยว่าทำไมถึงทำร้ายร่างกายผู้หญิง แต่ทอยก็ตอบว่า “เคยเห็นความรุนแรงมาตั้งแต่เด็กโดยเห็นแม่ตีพ่อ จึงเลือกที่จะทำร้ายคนอื่น ”