ผัวเมียตาบอด สู้ชีวิตนานกว่า 35 ปี ไม่เป็นภาระใคร ทำไร่-นวดแผนไทย ตั้งใจส่งลูกเรียนสูงๆ
21 ก.พ. 67 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปพบนายอิต อายุ 53 ปี ชาวบ้านสระตะเคียน ต.สระตะเคียน อ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา ที่เป็นคนสู้ชีวิตหลังต้องเจอกับจุดพลิกผันสูงสุด จากเด็กหนุ่มกำลังจะเริ่มต้นก่อร่างสร้างตัวกลับต้องมาเสียดวงตาทั้งสองข้างไปกะทันหันจนเกือบจะคิดสั้นจบชีวิตตนเอง แต่ด้วยความมานะพยายามและอดทนทำให้สามารถกลับมายืนหยัดได้อีกครั้ง แม้ว่าจะต้องใช้ชีวิตอยู่กับโลกที่มืดมิดตลอดไปแต่ดีกว่ายอมแพ้ชะตากรรม จนมาวันนี้สามารถจะใช้ชีวิตทำมาหากินเลี้ยงตัวและสร้างครอบครัวที่อบอุ่นได้เฉกเช่นคนทั่วไป โดยมีภรรยาคู่ใจที่พิการตาบอดทั้งสองข้างเหมือนกัน แต่ทั้งคู่ก็มีลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเป็นความหวังและเป็นกำลังใจให้ต่อสู้ ซึ่งตอนนี้ลูกชายกำลังเรียนอยู่ชั้น ม. 2 สร้างความภาคภูมิใจให้กับครอบครัวนี้เป็นอย่างมาก
โดยนายอิต เปิดเผยว่า ต้องมาเสียตาทั้งสองข้างไปจากอุบัติเหตุศีรษะชนเข้ากับขอบโต๊ะ เมื่อตอนอายุประมาณ 15 ปี ทำให้เกิดอาการปวดหัวรุนแรงต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแต่อาการก็ไม่ดีขึ้น ซ้ำยังเลวร้ายลงเพราะศีรษะบวมเป่ง ตาปิด มองอะไรไม่เห็น จนต้องถูกส่งตัวจากโรงพยาบาลประจำอำเภอเข้าไปรักษายังโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาในตัวจังหวัด ผ่านไปกว่า 1 เดือน สุดท้ายก็รักษาไม่ได้เพราะมีปัญหากับระบบประสาทตาจนต้องเสียตาทั้ง 2 ข้างไปในที่สุด ตอนแรกที่รู้ว่าตาบอดทั้ง 2 ข้าง รู้สึกท้อแท้ต่อชีวิตจนคิดอยากจะฆ่าตัวตายเพราะทำอะไรไม่ได้ อยู่แค่คอยไล่ไก่หน้าบ้านไปวันๆ แต่เมื่อได้ใช้เวลาคิดทบทวนอยู่กับตัวเองหลายปี ก็เริ่มจะอยากมีชีวิตต่อไปอีกครั้งจึงพยายามฝึกหัดทำในสิ่งที่คนตาปกติทำกัน เริ่มตั้งแต่การอาบน้ำ กินข้าว ทำกับข้าว หุงหาอาหาร ไปจนถึงการทำงานนอกบ้าน อย่างเช่น ดายหญ้า เลี้ยงไก่ เลี้ยงหมู จนไม่ต้องเป็นภาระของครอบครัวให้ต้องมาดูแลอีก
จากนั้นได้ตัดสินใจอยากจะมีอาชีพหาเงินเพื่อดูแลส่งเสียตัวเองจึงไปเข้ารับการอบรมฝึกทักษะอาชีพการนวดแผนไทยจนมีโอกาสไปพบรักกับภรรยาที่พิการตาบอดทั้ง 2 ข้างเช่นเดียวกัน จากนั้นก็พากันมาเริ่มต้นชีวิตที่บ้านเกิดอยู่กินกันมาจนมีลูกชาย 1 คน ตอนนี้เรียนอยู่ในชั้น ม. 2 แล้ว ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญในชีวิตของตนและภรรยาแม้ว่าจะต้องตาบอดแต่ก็พร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกชายคนนี้ได้เรียนสูงที่สุด เพื่อจะได้มีความรู้มีอาชีพการงานที่ดีและดูแลตัวเองได้ต่อไปในอนาคตก็เพียงพอแล้ว
ด้านนางจำปี อายุ 75 ปี มารดาของนายอิต เล่าให้ฟังว่า ตอนแรกๆ ที่ลูกชายเริ่มตาบอด ตนก็ต้องดูแลเป็นพิเศษหุงหาอาหารและทำกิจวัตรประจำวันให้แต่เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 3 ปี ลูกชายก็เริ่มจะเรียนรู้ด้วยตนเองจนสามารถทำทุกอย่างได้จากนั้นก็ดีขึ้นเรื่อยๆ สามารถหุงหาอาหาร ทำไร่ เลี้ยงสัตว์ ได้ทั้งหมด มีรายได้เป็นของตัวเองไม่ต้องเป็นห่วงอะไรอีกแล้ว ซึ่งส่วนตัวรู้สึกดีใจมาก เพราะที่ผ่านมาไม่เคยคิดว่าลูกจะกลับมามีชีวิตเหมือนเช่นปกติอย่างนี้ได้ ตอนนั้นบอกกับหมอว่าให้เอาตาตัวเองไปใส่ให้ลูกชายแทนได้ไหม แต่หมอบอกว่าประสาทตาเสียไปแล้วเปลี่ยนให้ไม่ได้ รู้สึกเสียใจอย่างมากจึงทำใจนำลูกกลับมาดูแลและให้กำลังใจกันตามประสา ผ่านมาถึงวันนี้ลูกชายเติบโตมีครอบครัวมีลูก ตนก็มีหลานถือเป็นความภูมิใจที่สุดแล้ว
ทุกวันนี้นายอิตแยกตัวออกจากครอบครัวใหญ่ไปอาศัยอยู่กับภรรยาตาบอดมานานกว่า 15 ปีแล้ว ทำไร่มันสำปะหลังและใช้ทักษะการนวดแผนไทยที่ร่ำเรียนมารับจ้างหารายได้เสริมดูแลครอบครัวและส่งเสียลูกเรียนหนังสือ รวมถึงได้รับเงินผู้พิการจากทางภาครัฐ ว่างๆ ก็จะออกไปหว่านแหหาปูหาปลากับเพื่อนบ้านเหมือนเช่นคนปกติทั่วไปแต่ต้องอยู่ในสายตาของคนรอบข้าง แม้ว่าจะใช้ชีวิตได้ไม่เต็มร้อยแต่เท่านี้ก็พิเศษและมหัศจรรย์มากแล้วสำหรับชีวิตคนที่พิการตาบอดทั้ง 2 ข้างเช่นนี้
ซึ่งนายอิตกล่าวทิ้งท้ายว่า อยากฝากไปถึงคนที่กำลังท้อแท้ในชีวิตว่า ความพยายามและความตั้งใจจริงจะสามารถทำให้ปัญหาทุกอย่างคลี่คลายลงได้ จงทำใจและพอใจกับสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ ขอให้เดินหน้าสู้ต่อไป สักวันชีวิตจะต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน