พ่อแม่ "ทอย" รุดขอขมาครอบครัว "นุ่น" ทั้งสองฝ่ายเข้าใจกันดี เรื่องหลานต้องคุยกันว่าใครจะเลี้ยง พ่อเผยไม่ประกันตัวลูกชายให้รับโทษตามกฎหมาย ที่ผ่านมาลูกชายโกหกครอบครัวมาตลอดว่าไม่ได้เป็นคนทำร้ายนุ่น
ทีมข่าวลงพื้นที่มายัง ตำบลพิบูล อำเภอพิบูลมังสาหาร อุบลราชธานี ได้เจอกับนายชุมพล (นามสมมติ) พ่อของนายทอยผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า ทางครอบครัวทราบข่าวเมื่อวานนี้เหมือนกันว่าทอยลูกชายนั้นเป็นคนก่อเหตุฆ่าน้องนุ่นผู้เป็นภรรยา หลังจากที่ลูกชายรับสารภาพ รวมไปถึงหลักฐานต่างๆ ที่ออกมาทั้งคลิปกล้องวงจรปิด และจุดที่ไปเผาศพของน้องนุ่นต่างมัดตัวลูกชาย ที่ผ่านมาเคยได้คุยโทรศัพท์กับลูกชายซึ่งลูกชายไม่เคยบอกครอบครัวเลยว่าเป็นคนทำร้ายน้องนุ่น และลูกชายก็โกหกครอบครัวมาโดยตลอด และไม่เคยเปิดเผยความจริง จนกระทั่งมีหลักฐานมามัดตัว ซึ่งทางครอบครัวยืนยันจะไม่ไปประกันตัวลูกชายและให้ลูกชายได้รับโทษตามกฎหมาย
ส่วนแม่ของทอยนั้นก็ทราบข่าวแล้วเช่นเดียวกัน แต่แม่เป็นโรคหัวใจทางครอบครัวจึงไม่อยากให้เข้าไปพูดคุยเพราะกลัวจะกระทบเรื่องของสภาพจิตใจ ส่วนหลานที่เป็นลูกของทอยกับน้องนุ่นนั้น ครอบครัวของทั้งสองฝ่ายจะตกลงกันอีกทีว่าใครจะเป็นคนเลี้ยง หากว่าทางครอบครัวของน้องนุ่นเป็นคนเลี้ยง ตัวพ่อและแม่เองก็จะคอยส่งค่าเลี้ยงดูหลานไปให้ ทอยกับนุ่นเพิ่งกลับมาบ้านที่จังหวัดอุบลราชธานีเมื่อช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา ซึ่งพ่อก็เคยเตือนทอยไปแล้วว่ามีครอบครัวทำอะไรให้ใจเย็นๆ และไม่คิดว่าลูกชายจะก่อเหตุสลดในลักษณะนี้
ต่อมานายชุมพล ได้เดินทางไปรับภรรยา (แม่ของทอย) ซึ่งอาศัยอยู่ที่ร้านตัดเสื้อผ้า ที่อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี ก่อนจะเดินทางไปที่บ้านของน้องนุ่น ที่อำเภอม่วงสามสิบ จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งทางครอบครัวของน้องนุ่นได้เดินทางไปรับลูกของนุ่นและทอยจากจังหวัดนนทบุรีเดินทางมาอาศัยที่บ้านหลังดังกล่าว
หลังจากนั้นพ่อแม่ของทอย ได้ขับรถเดินทางมาที่บ้านของนุ่น แล้วเดินเข้าไปที่บ้านในบ้าน เพื่อพูดคุยกับครอบครัวของนุ่นและขอโทษในสิ่งที่ทำทอยทำกับนุ่นและพูดคุยตกลงในว่าใครจะเป็นคนเลี้ยงหลาน หากครอบครัวนุ่นเลี้ยงหลานทางพ่อและแม่ของทอยจะช่วยส่งเสียค่าเลี้ยงดูหลาน ซึ่งครอบครัวของน้องนุ่นปฏิเสธที่จะให้ทีมข่าวเข้าไปฟังการพูดคุยและขอความเป็นส่วนตัว
หลังจากที่นายชุมพล พ่อของผู้ก่อเหตุเดินทางเข้าไปพูดคุยกับครอบครัวของน้องนุ่นแล้ว นายชุมพลได้เดินออกมาเปิดเผยกับทีมข่าวว่า ที่เดินทางมาในวันนี้เพื่อแสดงความเสียใจกับครอบครัวของน้องนุ่นกับสิ่งที่ลูกชายของตนนั้นทำไป ซึ่งทางครอบครัวของน้องนุ่นก็เข้าใจ ว่ามันเป็นเรื่องของเด็กทั้ง 2 คนที่มีครอบครัวอยู่ด้วยกัน ผู้ใหญ่ทั้ง 2 ฝ่ายไม่ได้โกรธเคืองกัน ได้พูดคุยปรับความเข้าใจกันแล้ว ส่วนอนาคตของหลานว่าใครจะเป็นคนเลี้ยงนั้นยังไม่ได้มีการพูดคุยในตรงนี้ ซึ่งทางครอบครัวต้องการที่จะนำอัฐิของน้องนุ่นผู้เสียชีวิตมาประกอบพิธีกรรมทางศาสนาให้แล้วเสร็จก่อนที่จะพูดคุยกันถึงอนาคตของหลาน ว่าใครจะเป็นคนเลี้ยง