ครอบครัวบ้านถูกสิ่งลี้ลับปาหินใส่ เครียด ถูกสังคมโจมตีด้วยการตั้งคำถามว่ามีปัญหาในครอบครัวและจัดฉากป่าหินใส่เพื่อทำร้ายกันเอง ยันไม่เป็นความจริงรักกันดีและไม่ได้แย่งสมบัติอะไร เข้าใจมีทั้งคนหวังร้ายและหวังดี แต่ไม่เจอกับตัวเองคงไม่รู้สึก
จากกรณีเหตุการณ์ลี้ลับที่เกิดกับครอบครัวชาว จ.ระยอง “นายณรงค์ หนูสลัด” อายุ 62 ปี นอนอยู่ในบ้านแล้วถูกก้อนหินปริศนาปาใส่หัวปูดแตก กลางวันแสกๆ ขนาดผู้สื่อข่าวของอมรินทร์ทีวีที่เข้าไปพิสูจน์เมื่อวานนี้ 23 กุมภาพันธ์ 2567 ก็ยังโดนดีเข้าให้ และปัจจุบันยังหาต้นตอไม่เจอว่ามาจากไหน จึงมีการขอให้ “หมอปลา มือปราบสัมภเวสี” เข้ามาช่วยตรวจสอบ ซึ่ง ล่าสุดวันนี้ 24 กุมภาพันธ์ 2567 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวีย้อนกลับไปยังบ้านที่เกิดเหตุอีกรอบภายในซอยสุวรรณหงส์ ต.ห้วยโป่ง อ.เมือง จ.ระยอง และมีโอกาสได้คุยกับ “นางประสงค์ หนูสลัด” อายุ 59 ปี เจ้าของบ้านและเป็นภรรยาของ “นายณรงค์”
เจ้าของบ้านยอมรับเครียด โดนคนโจมตีว่าจัดฉาก บอกไม่เจอกับตัวก็คงไม่รู้สึก
"นางประสงค์" บอกกับทีมข่าวว่าจริงๆ แล้ววันนี้ไม่อยากให้สื่อเข้ามาที่บ้านแล้ว เพราะหลังจากวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2567 คนในครอบครัวทั้ง 6 คนแทบจะไม่ได้พักผ่อนเลย ต้องระแวงว่าจะมีก้อนหินพุ่งมาจากไหนอีกบ้างไหม จนกระทั่งพักหลังต้องพากันออกไปอาศัยอยู่ที่อื่นชั่วคราว เนื่องจากไม่กล้าอยู่ที่บ้านกัน ทำให้ข้าวของในบ้านรกมาก
แต่ยังดีที่เมื่อประมาณ 2-3 วันก่อน ได้รับการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ประจำสำนักองค์ท้าวเวสสุวรรณในพื้นที่ใกล้บ้านมาช่วยทำพิธีขอขมา จึงได้ความว่าก้อนหินปริศนาที่พุ่งมานั้น เกิดจากคนในบ้านมีพฤติกรรมลบหลู่เจ้าที่เจ้าทาง ทั้งด้วยกาย วาจา ใจ สิ่งลี้ลับจึงมีการทำบางอย่างให้คนในบ้านรู้ตัว นั่นคือการปาหินปริศนาออกมา แต่กลายเป็นว่าหลังตนในบ้านเห็นหินปริศนา ก็ยิ่งพูดไม่ดีกับเจ้าที่เจ้า จึงทำให้จำนวนก้อนหินปริศนาที่พุ่งเข้ามาเพิ่มมากขึ้น แรงขึ้น ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องของการถูกมนต์ดำหรือถูกของไสยศาสตร์ใดๆ แล้วหลังจากทำพิธีขอขมาครั้งนั้น ก้อนหินปริศนาก็เงียบหายไปได้ 1-2 วัน ตนกับครอบครัวจึงกลับมาอยู่บ้านตามปกติ
กระทั่งเมื่อวานนี้ 23 กุมภาพันธ์ 2567 ที่มีสื่อหลายสำนักเข้ามาในบ้านเพื่อพิสูจน์ ก็มีการท้าทาย จนโดนเข้าจังๆ ตามที่เห็นว่าถูกนำเสนอไป ครอบครัวก็เลยรู้สึกไม่สบายใจ จึงปรึกษากับทางสำนักอีกรอบ จึงมีเจ้าหน้าที่เข้ามาทำพิธีรำบายศรีเพื่อขอขมาเจ้าที่เจ้าทางอีกรอบ ซึ่งก็ทำให้ตลอดทั้งคืนและทั้งวันของวันนี้ ไม่มีเหตุการณ์อะไรผิดปกติ
แต่ที่ทำให้ตนรู้สึกไม่สบายใจ คือหลังจากที่ข่าวถูกนำเสนอ มีหลายกระแสตั้งคำถามว่าก้อนหินปริศนา เกิดจากคนในบ้านที่เป็นคนแอบปาเพื่อพยายามจัดฉากสร้างกระแส ทั้งที่ความเป็นจริงมันไม่ใช่ ทำให้ครอบครัวของตนเสียหาย แต่ก็ไม่ได้จะโจมตีสื่อหรือ “หมอปลา” กลับกันคืออยากขอบคุณด้วยซ้ำที่พยายามช่วยเหลือครอบครัวตน เพียงแค่ไม่อยากให้นำเสนอเกินข้อเท็จจริง
ส่วนกระแสที่ถามว่าภายในครอบครัวมีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า ก็เลยมีการปาหินเพื่อหวังทำร้ายกันเอง เจ้าตัวยืนยันเลยว่าไม่มี ทุกคนรักกันดี ทรัพย์สมบัติก็ไม่ได้มีให้แย่ง เรื่องยาเสพติดก็ไม่มี และถ้าจะทำร้ายกันจริงๆ น่าจะเอาปืนมายิงให้ตายนัดเดียว ดีกว่ามาเล่นปาหินใส่กันให้เสียเวลา
นอกจากนี้ “นางประสงค์” พูดถึงการเปรียบเทียบกรณีที่บ้านตนกับกรณีไฟลุกปริศนาที่บ้านหลังนึงใน จ.มหาสารคาม เจ้าตัวยอมรับด้วยเสียงสั่นเครือและน้ำตาคลอว่า ไม่แปลกที่จะมีทั้งคนหวังดีและหวังร้าย แต่ยืนยันว่าสิ่งที่ตนพูดไปไม่มีอะไรที่โกหกหลอกลวง เรื่องแบบนี้ถ้าไม่เจอกับตัวก็คงไม่รู้สึก ตนไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องสร้างกระแส และตนก็ไม่เคยคิดขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานภาครัฐตั้งแต่แรก แต่ต้องการที่จะใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านได้อย่างสงบปกติ
สะใภ้คนโต ยันไม่ได้จัดฉากปาหิน เครียดถูกสงสัยปองร้ายคนในบ้าน ยอมรับเป็นหญิงเสื้อฟ้าที่ถูกถาม แต่ที่เอามือเข้าเสื้อ เพราะไม่ได้ใส่ชุดชั้นใน ไม่ได้หยิบหินมาปา
นอกจากนี้ยังได้คุยกับ “นางสาวทานตะวัน” (สงวนนามสกุล) อายุ 36 ปี ลูกสะใภ้คนโตของ “นางประสงค์” เจ้าตัวยอมรับว่า ตนเป็นหนึ่งในบุคคลที่สังคมตั้งข้อสงสัยมากที่สุดว่าเป็นคนจัดฉากปาหิน ส่วนตัวก็อยากให้ลองย้อนดูข่าวแต่ละช่องที่มีการเข้ามาพิสูจน์แล้วนำเสนอออกไปเมื่อวานนี้ ว่ามีการตั้งกล้องบันทึกและใช้ทีมงานสังเกตการณ์ในบ้านกับนอกบ้านเยอะขนาดไหน ซึ่งทุกครั้งที่มีหินปริศนาพุ่งไปโดนนักข่าว ตนก็ยืนอยู่บริเวณนั้นตลอด ไม่ได้หนีไปหลบซ่อนที่ไหน แล้วถ้าตนเป็นคนปาหินจริง เมื่อวานก็คงถูกจับได้ไปนานแล้ว
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าบางช่วงบางตอนที่นักข่าวกำลังพิสูจน์ จะเห็นว่าตนยืนอยู่ในบ้านและมีการถือกระจกบ่อยครั้งหรือบางจังหวะก็เอามือล้วงเข้าไปในเสื้อคล้ายกับจะหยิบอะไรบางอย่างนั้น เจ้าตัวอธิบายว่าเพราะสื่อเข้าไปโดยไม่ทันตั้งตัว ตนก็เลยยังไม่ได้ใส่ชุดชั้นใน จึงจำเป็นต้องล้วงมือเข้าไปในเสื้อเพื่อดึงให้เสื้อตึง ไม่ให้เห็นภาพที่ไม่เหมาะสม แล้วกระจกที่ถือก็ถือปกติ ไม่ได้จะเอาไปปิดบังอะไรทั้งนั้น
แล้วเรื่องที่ตนกับคนในครอบครัวถูกตั้งข้อสงสัยว่าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดจนมีอาการหลอน แล้วจ้องจะปาหินเพื่อทำร้ายใครสักคนในบ้านนั้น เจ้าตัวยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด แล้วตนก็เป็นลูกสะใภ้ของครอบครัวนี้มาหลายปีมาก ไม่มีเหตุผลอะไรที่ตนจะทำร้ายพ่อผัวหรือแม่ผัว ส่วนสาเหตุที่พ่อผัวมีอาการตอบสนองช้านั้นเพราะเป็นผลข้างเคียงของการดื่มเหล้าหนัก ไม่ได้มีการใส่ยาพิษหรือถูกทำของใส่ตามที่ถูกตั้งข้อสงสัยเลย
ผู้นำชุมชน ไม่เชื่อหินถูกปาจากสิ่งลี้ลับ ยอมรับแอบคิดว่าเป็นการโปรโมตของสำนักท้าวเวสสุวรรณหรือไม่
ทั้งนี้เมื่อไปคุยกับ “นายสมบัติ จันที” อายุ 53 ปี ผู้นำชุมชน เจ้าตัวบอกว่าครอบครัวที่ถูกหินปาใส่เป็นคนนอกพื้นที่ ที่เข้ามาเช่าที่ดินตรงนั้นเพื่อปลูกบ้านอยู่ได้ประมาณ 2 ปี แต่ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยเกิดเรื่องอะไรผิดปกติ ใช้ชีวิตเหมือนกับชาวบ้านทั่วไป เพราะที่ดินตรงนั้นก็เป็นป่ายางธรรมดา ไม่ใช่สุสานหรือหลุมฝังศพ จนกระทั่งมามีเรื่องนี้ ซึ่งตนรู้สึกแปลกใจเหมือนว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง แต่ก็ไม่เคยเข้ามาประสานขอความช่วยเหลือจากตน
แต่ถ้าถามว่าเชื่อหรือไม่ ทางผู้นำชุมชนยืนยันชัดเจนว่าไม่เชื่อว่าเป็นเรื่องของสิ่งลี้ลับ แต่ก็ไม่อยากปรักปรำว่าใครเป็นคนปาหิน แต่ขณะเดียวกันก็มีความคิดแวบนึงเข้ามาในหัว หลังทราบว่าทางคนในสำนักท้าวเวสสุวรรณเข้ามาทำพิธีช่วยเหลือครอบครัวนี้เป็นระยะ ก็รู้สึกว่ามันมีบางอย่างเชื่อมโยงถึงกัน และเมื่อทีมข่าวถามว่านี่จะเป็นการโปรโมตของทางสำนักหรือไม่ ทางผู้นำชุมชนก็ยอมรับว่าแอบคิดแบบนั้นเหมือนกัน