บุกฆ่าโหดยิงหัวมาเฟียไต้หวันดับ ก่อนโยนศพทิ้งที่รกร้างย่านสุวรรณภูมิ พบทีมสังหารแก๊งคอลเซ็นเตอร์บินตรงเข้าไทย แล้วตรงไปตามเก็บถึงที่บ้าน ก่อนแยกย้ายหลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว
จากกรณีเมื่อเวลา 10.19 น. วานนี้ (26 ก.พ.67) เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญูจุดสุวรรณภูมิ และจุด สน.ลาดกระบัง พร้อมด้วยตำรวจเข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุหลังได้รับแจ้งพบศพผู้เสียชีวิตอยู่ที่บริเวณที่รกร้างภายในสนามบินสุวรรณภูมิ
จากการตรวจสอบจุดเกิดเหตุ เคยเป็นร้านอาหารตามสั่งซึ่งปิดให้บริการมานาน 4-5 ปีแล้ว อยู่ริมถนนสุวรรณภูมิ 4 ด้านหลังโรงคัดแยกขยะสนามบินสุวรรณภูมิ ต.หนองปรือ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ลักษณะจุดพบศพที่รกร้างว่างเปล่า พบรอยเลือดขนาดใหญ่ที่บริเวณประตูทางเข้า หลังจากนั้นก็มีรอยลากเป็นทางยาวไปจนถึงบริเวณห้องด้านในซึ่งเป็นจุดพบศพอยู่ในที่ลับตาคน ซึ่งคนร้ายมีการนำแผ่นไม้กระดาน ความสูงประมาณ 50 เซนติเมตร มาปิดบังสายตาเอาไว้ โดยที่แผ่นไม้มีรอยกระเซ็นของเลือด นอกจากนี้ที่ด้านหน้าทางเข้ายังพบแผ่นโฟมซึ่งฝั่งหนึ่งมีรอยเลือด และอีกฝั่งหนึ่งมีรอยล้อรถยนต์และรอยรองเท้าขนาดใหญ่ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นของคนร้าย
ขณะที่จากการตรวจสอบสภาพศพ พบร่องรอยถูกยิง 2 นัด โดยเข้าที่ท้ายทอยและขมับด้านซ้ายอย่างละ 1 นัด กระสุนทะลุออกศีรษะด้านขวา 1 นัด โดยยังคงมีเลือดไหลคาดว่าน่าจะเพิ่งเสียชีวิตได้ไม่นาน ส่วนศพสวมเสื้อยืดสีดำ
ขณะเดียวกันจากการตรวจสอบสภาพศพพบผู้ตายซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นชายชาวต่างชาติอายุประมาณ 40 ปี มีรอยสัก เต็มแผ่นหลังตั้งแต่ต้นคอต้นคอยาวไปจนถึงก้น มีรอยสักที่บริเวณด้านหน้า และแขนทั้งสองข้าง โดยที่บริเวณแขนข้างซ้ายมีรอยสักเป็นตัวอักษรภาษาจีน โดยผู้เสียชีวิตสวมเสื้อยืดสีดำ ด้านหลังสกรีนคำว่า “ASPA” สวมแหวนทองแบรนด์หลุยส์วิตตอง ที่นิ้วกลางข้างซ้าย เข็มขัดแบรนด์ fred perry สีดำ สวมถุงเท้าสีเทาทั้งสองข้าง โดยไม่พบรองเท้าอยู่บริเวณจุดเกิดเหตุ นอกจากนี้ก็ยังพบเงินสดธนบัตรไทยมูลค่าประมาณ 3,000 บาท
ทางด้านตำรวจพิสูจน์หลักฐานให้ความเห็นว่าจากลักษณะร่องรอยคราบเลือด ซึ่งไม่ได้กระจายตัวเป็นวงกว้าง และหลักฐานที่พบจุดเกิดเหตุคาดว่าคนร้ายน่าจะยิงชายคนนี้มาจากที่อื่น ก่อนจะนำศพมาทิ้งระหว่างที่นำศพลงจากรถทำให้เกิดร่องรอยคราบเลือดขนาดใหญ่ที่บริเวณประตูทางเข้า
ขณะที่ทางตำรวจกำลังเข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุอยู่นั่นเองมีพลเมืองดีติดต่อเข้ามาผ่านทางเพจ “ ข่าวสารเมืองปราการ v2” โดยให้เบาะแสถึงตัวผู้เสียชีวิตว่าเป็นชายชาวไต้หวันซึ่งเคยมาสักที่ร้านสักของตนในพื้นที่พัทยา จังหวัดชลบุรี พร้อมกับส่งภาพและคลิปวิดีโอรอยสักของชายคนดังกล่าวมาให้เปรียบเทียบกับศพที่พบซึ่งเป็นภาพที่ตรงกัน ซึ่งทางร้านบอกอีกว่าไม่ทราบชื่อของชายคนดังกล่าวเนื่องจากมีการสื่อสารโดยคุยกันผ่านทางภาษามือและใช้ Google แปลภาษา พร้อมกับให้ข้อมูลว่าผู้เสียชีวิตได้นำรอยสักมาเอง ได้สักตามแบบโดยเข้ามาสักที่ร้านครั้งสุดท้ายเมื่อช่วงเดือนตุลาคม 2566 หลังจากทราบเบาะแสดังกล่าวตนจึงได้แจ้งทางตำรวจซึ่งทางตำรวจเองก็ยืนยันแล้วว่าน่าจะเป็นคนเดียวกัน
ต่อมา พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ได้เดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุก่อนจะ เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งเหตุก็มีชายชาวต่างชาติถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงเข้าที่ศีรษะ 2 นัด เสียชีวิต ซึ่งเบื้องต้นจากการตรวจสอบจุดเกิดเหตุเอง ยังไม่พบกระสุนหรือปลอกกระสุนปืนตกอยู่ในที่เกิดเหตุ ส่วนที่ศพของผู้เสียชีวิตพบกระสุนคาอยู่หนึ่งนัด ทำให้ตอนนี้ตำรวจเองยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าผู้ตายถูกยิงจากที่อื่น แล้วมาทิ้งจุดนี้หรือไม่
ส่วนการพิสูจน์ทราบตัวของผู้เสียชีวิตเองเบื้องต้นมีเบาะแสจากพลเมืองดีแจ้งมาว่าเป็นชายชาวไต้หวัน และเคยไปสักที่ร้านสักในพื้นที่จังหวัดพัทยา ขณะเดียวกันตำรวจเองก็ยังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อจะพิสูจน์ทราบยืนยันตัวบุคคลต่อไป
ส่วนผู้เสียชีวิตจะเป็นยากูซ่าหรือไม่นั้นตอนนี้ตำรวจบอกว่ายังไม่ถึงขั้นนั้นเนื่องจากว่ารอยสักดังกล่าวก็เป็นรอยสักทั่วไป โดยพบพฤติการณ์ของคนร้ายที่ก่อเหตุมีการขับรถมาสด้าสีแดง ซึ่งมีชื่อผู้ครอบครองเป็นชายชาวจังหวัดปทุมธานี
จากการตรวจสอบเส้นทาง ตายยังจุดพบศพแล้วหลบหนี พบว่าช่วงก่อนก่อเหตุคนร้ายได้ขับรถ ใช้ถนนสายลาดกระบังมุ่งหน้าเข้าสนามบินสุวรรณภูมิ สาย 4 ตรงไปยังจุดเกิดเหตุ โดยมีการขับเข้ามาวนดูพื้นที่ก่อนช่วงตี 3 ที่ผ่านมา ก่อนจะมาทิ้งศพหรืออาจจะลงมือฆ่าในจุดดังกล่าวช่วงเช้าที่ผ่านมา จากนั้นหลังก่อเหตุใช้เส้นทางผ่านสนามบินขึ้นมอเตอร์ออกร่มเกล้ามุ่งหน้ามีนบุรี ซึ่งขณะนี้ฝ่ายสืบสวนเร่งติดตามเส้นทางหลบหนี
จากนั้นตำรวจชุดสืบได้เข้าค้นบ้านหรู หลังพบอาจจะเป็นจุดสังหารชายไต้หวัน เบื้องต้นพบรองเท้ามีรอยคล้ายเลือด ทิ้งใน ถังขยะข้างบ้าน ส่วนชาวบ้านได้ยินเสียงปืน 2 นัด พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบภายในบ้านพักหลังดังกล่าว พบเคตามีน น้ำหนักประมาณ 500 กรัม และยังพบว่าภายในบ้านมีบางจุดที่มีลักษณะใช้สารเคมีพยายามทำลายพยานหลักฐาน เช่นเดียวกับการต้องพิสูจน์และตรวจสอบว่าชายคนดังกล่าวที่นำกระเป๋าเดินทางเข้ามานั้นได้มีการวางแผนและเตรียมการมาเพื่อจะฆาตกรรมมาก่อนหรือไม่
ขณะเดียวกันมีรายงานว่าคนร้ายที่ก่อเหตุเป็นชายชาวไต้หวันทั้งหมด 4 คน ซึ่งเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ได้เข้ามาประเทศไทยเมื่อเช้ามืดที่ผ่านมา โดยใช้ชาวไต้หวันคนแรกเข้ามาก่อน จากนั้นอีก 3 คนตามมาช่วงเวลาประมาณตี 2 จากนั้นได้เข้ามาก่อเหตุใช้ปืนยิงผู้ตายที่บ้านย่านลาดพร้าว ก่อนจะนำศพมาทิ้งจุดที่พบศพบริเวณสนามบินสุวรรณภูมิ แล้วหลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว