ทนายกุ้งเผย ผู้ตายโดยคดีบุกรุกบ้านอากู๋ ไม่ใช่คดี ครอบครองปรปักษ์ ไม่หวั่นทนายตรงข้ามบอกใช้สื่อกดดัน ชี้ต่างคนต่างทำหน้าที่
จากกรณีที่มีข่าวว่า ครอบครัวคู่กรณีบ้านอากู๋ ครอบครองปรปักษ์ ตัดสินใจลาโลกในบ้านพักตัวเอง 1 ราย ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้
ต่อมาตรวจสอบ พบว่าผู้เสียชีวิต ชื่อ น.ส.ภานุมาศ นั้น
เมื่อเวลา 11.50 น. วันที่ 26 ก.พ. 67 ที่ สน.คันนายาว น.ส.อำนวยพร มณีวรรณ์ หรือ ทนายกุ้ง ทนายความของครอบครัวอากู๋ กล่าวว่า วันนี้ตนเดินทางมาตรวจสอบเรื่องคดีความว่า ผู้เสียชีวิตคือใคร ซึ่งจากการสอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่า ผู้เสียชีวิตคือ น.ส.ภานุมาศ เป็น 1 ใน 5 ผู้ต้องหาคดีแรก ที่บุกรุกบ้านของอากู๋ และคดีนี้ตำรวจได้ส่งสำนวนไปอัยการแล้ว ไม่เกี่ยวกับข้อหาครอบครองปรปักษ์ ที่คดีนั้นมีผู้ต้องหาเพียงคนเดียวคือ นางศรีพรรณ
ทั้งนี้ตนยังไม่ได้พูดคุยกับอากู๋ในเรื่องนี้ เพราะตอนนี้ทุกคนก็ตกใจ จึงเดินทางมาตรวจสอบก่อนว่าเกิดอะไรขึ้น อีกทั้งยังไม่ได้พูดคุยกับนายภคิน หรือ ซัน หลานอากู๋ อย่างเป็นทางการ เพียงแต่เช็กข่าวที่ออกมา และสอบถามแค่ว่าผู้ตายเป็นใคร ในส่วนผู้ต้องหาที่เสียชีวิต ทางอัยการก็ต้องจำหน่ายคดีไป ไม่ฟ้องร้อง
เมื่อถามถึงกรณีที่มีข่าวว่ามีการติดต่อกันว่าจะถอนฟ้องคดีนั้น ทนายกุ้ง กล่าวว่า เรื่องการถอนฟ้องคดี เป็นคดีการครอบครองปรปักษ์ แต่มีผู้ต้องหาบางคนบอกว่าจะไปถอดถอนคดีครอบครองปรปักษ์ที่ศาลมีนบุรี แต่เราก็ให้ทีมทนายความไปตรวจสอบแล้ว พบว่า ยังไม่มีการยื่นเรื่องถอนฟ้องคดีในคดีนั้น เขาพูดว่าเขาจะยอมรับผิด และถอนคดี แต่เราเช็กแล้วยังไม่มีการถอนคดีนั้น
เมื่อถามว่า ผู้ตายอยู่คนละกลุ่มกับคดีครอบครองปรปักษ์ใช่หรือไม่ ทนายกุ้ง กล่าวว่า “ใช่ค่ะ ผู้ตายเป็นผู้ต้องหาคดีแรกคือคดีบุกรุก แต่คดีหลังเป็นคดีพางยื่นคำร้องครอบครองปรปักษ์คือนางศรีพรรณคนเดียว เราไปแจ้งความนางศรีพรรณคนเดียว ไม่เกี่ยวกับ น.ส.ภานุมาศ ซึ่งเจ้าของบ้านได้แจ้งความดำเนินคดีทั้ง 2 คดี”
เมื่อถามว่า คู่กรณีที่มีการเจรจากันอย่างไรบ้าง ทนายกุ้ง กล่าวว่า คดีแรกคือคดีบุกรกุบ้านทางตำรวจได้ส่งสำนวนไปอัยการแล้ว ทราบว่ามีผู้ต้องหาบางคนไปติดต่อผ่านทนายเดชา เพื่อเจรจาเรื่องคดีความ ยอมรับผิดและขอโทษ แต่ยังไม่ได้มีการคุยกับอากู๋ เพราะตอนนั้นอากู๋ยังมีความรู้สึกว่าโกรธอยู่ เพราะทำแล้วทำอีก ซ้ำแล้วซ้ำอีก ทำครั้งแรกไม่จบ ยังมาบุกรุกครั้งที่สอง แตก็ยังไม่ได้มีการพูดคุยอะไรต่อ เพราะเป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ โดย น.ส.ภานุมาศไม่ได้เข้ามาเจรจาพูดคุย อย่างไรก็ตามคดีดังกล่าวตามกระบวนการของศาลสามารถไกล่เกลี่ยได้ทุกขั้นตอน เมื่อเรื่องถึงศาลแล้วก็ตาม ไปศาลก็คุยได้
เมื่อถามว่า คดีบุกรุกบ้านได้มีการไกล่เกลี่ยกันมาก่อนหรือไม่ ก่อนที่ตำรวจจะส่งสำนวนไปยังอัยการ ทนายกุ้ง กล่าวว่า ตอนแรกเลยที่มีการแจ้งความ น.ส.ภานุมาศก็มีความพยายามในการไกล่เกลี่ยที่ สน.โคกคราม แต่ตกลงกันตัวเลขไม่ได้ แต่มันก็จบไปแล้ว เพราะกลุ่มผู้ต้องหาขนย้ายทรัพย์สินออกไปแล้วเมื่อวันที่ 17 ก.ย. 66 แต่กลับมี 1 ในผู้ต้องหาไปยื่นคำร้องต่อศาล ขอครอบครองปรปักษ์บ้านหลังนี้ ตนก็ทำคดีตามกฎหมาย แต่ทางคุณซันมาเจอป้ายติดบ้านหลังนี้ว่า บ้านหลังนี้ครอบครองปรปักษ์แล้ว และติดป้ายขายอาหาร ทั้งที่บ้านหลังนี้ ศาลยังไม่ตัดสินคดีความ เขายื่นคำร้องมา ตนก็ยื่นคัดค้านไป ไม่ได้มีอะไรที่จะเป็นประเด็น และต่อมาเขาเข้ามาตัดกุญแจและบุกรุกบ้านต่อเป็นครั้งที่ 2 และมีการแจ้งความนางศรีพรรณคนเดียว ไม่เกี่ยวกับ น.ส.ภานุมาศ คดีอยู่ระหว่างการดำเนินคดี
เมื่อถามว่า ทนายฝั่งตรงข้ามบอกว่าทนายฝั่งนี้มีการใช้สื่อเป็นตัวนำเพื่อกดดัน ทนายกุ้ง กล่าวว่า ตนเป็นทนายความก็ทำหน้าที่ทนายความ สื่อก็ทำหน้าที่นำเสนอข่าวตามข้อเท็จจริง มุมมองของตนไม่ใช่เรื่องการกดดันอะไร เพราะต่างคนต่างทำหน้าที่
Advertisement