ลูกชายดูแลพ่อป่วยติดเตียงมานาน 10 ปี อยู่ๆ เมาเหล้า-ยาบ้า เผาพ่อเจ็บสาหัส แล้วรอมอบตัวกับตำรวจ อ้างให้พ้นกรรม แม่บอกอโหสิกรรมเพราะที่ผ่านมาดูแลดีตลอด แต่ไม่รู้ทำไมถึงมาทำดับพ่อแบบนี้
จากกรณีที่เมื่อวันที่ 25 ก.พ.67 เวลา 11.15 น. นายสายัน เสมอพิทักษ์ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 7 บ้านนาทัน ตำบลนาใน อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร ได้รับแจ้งจากลูกบ้านว่าลูกชายก่อเหตุเผาพ่อตัวเองที่ป่วยติดเตียงทั้งเป็นคาบ้านพัก เลขที่ 106 หมู่ 7 บ้านนาทัน ตำบลนาใน อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร จึงประสานหน่วยกู้ภัยเทศบาลตำบลนาในและเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นาใน เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ที่เกิดเหตุปลูกเป็นเพลิงพักหมาแหงน พบร่างของนายเกรียงไกร การีชุม ผู้บาดเจ็บ อายุ 51 ปี พ่อของผู้ก่อเหตุ นอนอยู่บนแคร่ที่ถูกไฟเผา ในสภาพปางตาย ขาท่อนล่างถูกไฟไหม้จนเกรียม เหลือเพียงบริเวณหน้า อก แผ่นหลัง และศีรษะที่ยังไม่ถูกไฟไหม้ยังมีชีวิต ผงกหัวได้ บาดเจ็บอาการสาหัส หลังจากตรวจสอบที่เกิดเหตุเจ้าที่กู้ภัยเร่งนำตัวนายเกรียงไกร ส่งโรงพยาบาลสกลนครอาการสาหัส ญาติตัดสินใจถอดเครื่องช่วยหายใจเพื่อให้หลุดพ้นจากความทรมาน และจะนำร่างมาถอดเครื่องช่วยหายใจที่บ้านเกิดตามความเชื่อของชาวบ้าน
จากการสืบสวนทราบว่า นายเกรียงไกร การีชุม ประสบอุบัติเหตุขับรถไถพลิกคว่ำกะโหลกศีรษะร้าว เป็นเหตุทำให้ต้องนอนติดเตียงมานาน 20 ปี โดยมีนายสมพร การีชุม หรือ อิด อายุ 29 ปี ผู้ก่อเหตุซึ่งเป็นลูกชายแท้ๆ เป็นผู้ดูแลมาเกือบ 20 ปี ในช่วงเวลาประมาณ 10.00 น.ของวันที่ 25 ก.พ.67 นายสมพร ผู้ก่อเกตุ เดินทางกลับมาจากการทำบุญให้กับญาติที่เพิ่งเสียชีวิตไปพร้อมกับมีอาการเมาสุรา ในระหว่างที่อยู่กับนายเกรียงไกรเพียง 2 คน นายสมพรได้ก่อเหตุจุดไฟเผานายเกรียงไกร พ่อแท้ๆ ของตัวเองจนอาการสาหัส หลังจากนั้นจึงรอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากการตรวจสอบพบว่านายสมพรอยู่ในอาการเมาสุรา และตรวจพบสารเสพติดชนิดยาบ้าในร่างกาย และไม่สามารถให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เพราะยังมีอาการมึนเมา เบื้องต้นถูกแจ้งข้อกล่าวหาวางเพลิงเผาทรัพย์ พยายามฆ่า แต่ถ้าหากว่านายเกรียงไกรเสียชีวิตจะถูกแจ้งข้อกล่าวหาฆ่าบุพการีเพิ่มเติม โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการฝากขังศาลจังหวัดสกลนคร
นายสายัน เสมอพิทักษ์ ผู้ใหญ่บ้าน บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเองได้รับแจ้งจากลูกบ้าน ให้เข้าไปตรวจสอบบ้านที่เกิดเหตุ เพราะมีคนจุดไฟเผาพ่อของตัวเองนอนติดเตียง เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุพบว่าไฟดับแล้วเหลือแต่ควัน พบสภาพนายเกรียงไกรผู้ป่วยติดเตียง ถูกไฟเผาไหม้จนเกือบทั่วร่าง ตนจึงโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นาในและเจ้าหน้าที่กู้ภัยให้มาตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมนำนายเกรียงไกรส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลสกลนคร ส่วนนายสมพร ผู้ก่อเหตุ ได้นอนรอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่บนเปลซึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุไม่ไกล หลังจากนั้นจึงถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวไปไว้ที่โรงพัก สภ.นาใน ซึ่งผู้ก่อเหตุนั้นเป็นลูกชายแท้ๆ ของนายเกรียงไกร ซึ่งนายสมพรเวลาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านก็ปกติที่ผ่านมายังไม่เคยสร้างความเดือดร้อนแต่มีพฤติกรรมมักจะเมาสุราและเกี่ยวข้องกับยาเสพติด
ทีมข่าวได้เดินทางไปติดตามความคืบหน้าทางคดีที่ สภ.นาใน เข้าไปสอบถามโดยนายสมพร ผู้ก่อเหตุอ้างว่า ตนจำอะไรไม่ได้เลยว่าทำอะไรลงไป เพิ่งมาทราบจากนักข่าวว่าตนเองนั้นก่อเหตุเผาพ่อตัวเองทั้งเป็น
หลังจากนั้นทีมข่าวได้พูดคุยกับนางมาลัยรักษ์ จิตบัวลอย อายุ 49 ปี น้าของผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่าจริงๆ แล้วนายสมพรก็เป็นคนดี เป็นคนไม่เกเร ดูแลพ่อที่ป่วยติดเตียงมาได้กว่า 15 ปีแล้ว ไม่มีงานทำ หน้าที่หลักคือดูแลพ่อที่ป่วยติดเตียง ซึ่งนายสมพรเป็นคนที่รักพ่อมาก ทำให้ไม่มีใครเคยคิดเลยว่านายสมพรจะมาก่อเหตุลักษณะนี้ ไม่คิดว่าหลานจะทำได้ จนมาเห็นว่าไฟไหม้ก็สงสัยว่าทำไมหลานต้องเผาพ่อทุกคนพากันงง สองวันก่อนจะเกิดเหตุนายสมพรมีอาการ ซึมๆ ผิดปกติ และเดินเซลักษณะคล้ายเมาสุรา โดยในช่วงเช้าก่อนที่จะเกิดเหตุนายสมพร ได้มาขอเงินจากตน 200 บาทแต่ไม่ได้ให้ไป ซึ่งนายสมพรก็ไม่ได้มีท่าทีโมโหหรืออะไร และยังคงพกเหล้าขาวติดตัว 3 ขวด จากนั้นตนและแม่ของผู้ก่อเหตุได้เดินทางไปที่งานศพของญาติอีกหมู่บ้านและได้ฝากให้นายสมพรดูแลพ่อด้วย ทำให้ที่บ้านที่เกิดเหตุมีเพียงนายสมพรอยู่กับนายเกรียงไกร 2 คนเพียงลำพัง แต่นายสมพรกลับก่อเหตุเผาพ่อตัวเองทั้งเป็น หลังจากเกิดเหตุเธอเข้าไปสอบถามนายสมพรว่าทำไมต้องก่อเหตุเผาพ่อตัวเองด้วย ทำไมต้องอำมหิตฆ่าพ่อขนาดนี้ ผู้ก่อเหตุได้ตอบกลับเธอว่าที่ฆ่าพ่อนั้นอยากฆ่าให้พ่อหมดเวรหมดกรรม
ทีมข่าวได้เดินทางมาที่โรงพยาบาลสกลนครได้พูดคุยกับ นางคันชัย การีชุม ภรรยาของนายเกรียงไกรและแม่ของผู้เกิดเหตุ กล่าวว่า ตอนนี้นายเกรียงไกรสามีของเธอนั้นยังอยู่ในความดูแลของแพทย์ แพทย์ไม่อนุญาตให้นำคนเจ็บกลับบ้านเพื่อไปถอดเครื่องหายใจ แพทย์ยืนยันว่าจะดูแลคนเจ็บให้ถึงที่สุด ซึ่งช่วงเช้านายเกรียงไกรได้หยุดหายใจไปหนึ่งครั้งแต่แพทย์สามารถยื้อชีวิตเอาไว้ได้ ส่วนตัวเชื่อว่านายเกรียงไกรยังเป็นห่วงลูกสาวที่เดินทางไปทำงานที่กรุงเทพฯ และกำลังเดินทางกลับมาหาพ่อที่จังหวัดสกลนคร ซึ่งคาดว่าน่าจะเดินทางมาถึงในวันพรุ่งนี้ ตนก็ได้บอกกับนายเกรียงไกรไปว่าไม่ต้องห่วงเดี๋ยวลูกสาวก็เดินทางมาถึง
ส่วนนายสมพรลูกชายที่ก่อเหตุนั้นขอให้อโหสิกรรมให้เพราะที่ผ่านมาลูกชายก็เคยดูแลพ่อที่ป่วยติดเตียงมาโดยตลอด ไม่เคยมีพฤติกรรมแบบนี้ นี่เป็นการก่อเหตุครั้งแรกในชีวิต ซึ่งนายเกรียงไกรก็พยักหน้าตอบรับ โอกาสรอดชีวิตของนายเกรียงไกรตอนนี้มีเพียง 5% เท่านั้น ตอนนี้ไม่ได้สติกลายเป็นเจ้าชายนิทราแล้ว และยังคงต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด