แฉกลับ 13 ชีวิตนอนริมถนนที่แท้หนังคนละม้วน

29 ก.พ. 67

แฉกลับ 13 ชีวิตนอนริมถนนนอ้างถูกปิดทางเข้า - ออก จนทัวร์ลงเจ้าของที่สนั่นโซเชียล ล่าสุดคดีพลิกมีหลักฐานชัดเจน

 

ความคืบหน้ากรณีในโมีการแชร์ภาพครอบครัว 13 ชีวิต นั่งกินนอนอยู่ข้างถนน พร้อมระบุข้อความว่า “เพื่อนบ้านปิดทางเข้าบ้านเหตุทะเลาะกันเรื่องห้ามหมา เหตุเกิด ม.4 ต.บ้านพร้าว เด็ก 7 คน ผู้ใหญ่ 6 คน เข้าบ้านไม่ได้”

จากนั้นมีแฟนเพจเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่ต่อว่าเพื่อนบ้านที่ปิดทางเข้าออกว่าใจดำ ไม่เห็นแก่เพื่อนมนุษย์ อีกโพสต์แจ้งความคืบหน้าว่า ติดต่อนายอำเภอบ้านนาเรียบร้อยแล้ว กำนันกำลังมาเคลียร์

ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปพบนายสมพร พงษ์สุข  อายุ 52 ปี 1 ในสมาชิกครอบครัวที่ปรากฏตามภาพในโซเชียล เล่าว่า ตั้งแต่เมื่อคืนตนและครอบครัวยังไม่ได้เข้าบ้านอาบน้ำเลย เพราะเพื่อนบ้านเจ้าของที่ปิดทางเข้าออกไว้ จนถึงเที่ยงคืนมีกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เข้ามาตรวจสอบและเจรจาให้ครอบครัวตนเข้าบ้านก่อน เพราะดึกแล้วเป็นห่วงเด็กๆ เจ้าของที่ก็ยินยอม แต่บอกว่าให้เข้าวันนี้เท่านั้น เข้าแล้วห้ามออกทางนี้อีก ครอบครัวจึงไม่ได้กลับเข้าบ้าน เพราะกลัวว่ารุ่งเช้าจะออกมาไม่ได้

ที่ผ่านมาใช้เส้นทางนี้มาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่กว่า 40 ปีแล้ว เมื่อก่อนพยายามรวบรวมเงินซื้อทางเข้าออก แต่ครอบครัวไม่มีเงินจ่าย เจ้าของที่เลยล้อมรั้วปิดทางไว้ ยอมรับว่าเป็นที่ดินของบ้านคู่กรณี แต่ตนก็ใช้มานานมากแล้ว ไม่คิดว่าเจ้าของที่จะปิด ตอนนี้เดือดร้อนมาก เด็กๆ กำลังสอบ ไม่สามารถเข้ามาอาศัย มาอาบน้ำแต่งตัวไปสอบได้  

ด้านนางสาวรุ่งรัตน์ วงษ์สระแก้ว อายุ 45 ปี เจ้าของที่ เล่าว่า เดิมครอบครัว 13 คนนี้ ใช้เส้นทางนี้เข้าออกตั้งแต่สมัยพ่อจนถึงปัจจุบัน ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ล่าสุดเห็นครอบครัวนี้ตีหมาของตน บอกว่าหมาไปกัดเด็ก แต่จริงๆ แล้วหมาแค่เห่า ไม่ได้กัด ไม่ได้ดุร้าย มีหลักฐานเป็นกล้องวงจรปิด เลยทะเลาะโต้เถียงกัน และถูกชี้หน้าด่าหยาบคาย และไม่ใช่ครั้งแรกที่ถูกชี้หน้าด่า แต่ก็ไม่เคยปิดทางเข้าออก ครั้งนี้ตนโมโหมาก ที่หมาถูกตีต่อหน้าต่อตาเลยพูดไปว่า ถ้าเข้าออกแล้วหมามันกัดก็ไม่ต้องเดินกัน จากนั้นได้นำป้ายไปปิดทางเข้าออกไว้

ตอนที่กำนันผู้ใหญ่บ้านมาเจรจาขอให้เปิดทาง ตนก็เห็นใจยอมให้เข้า ครอบครัว 13 คนพูดว่าจะไปฟ้องศาล เป็นทางภาวะจำยอม เพราะใช้เข้าออกมากว่า 40 ปี ตนเลยบอกเข้าได้ แต่ถ้าจะออกต้องเอาหมายศาลมา ครอบครัวคู่กรณีถ่ายภาพนั่งกินข้าวกับนอนข้างถนน ให้เพจลงบนโซเชียลเพื่อให้คนมาด่าครอบครัวตน ทำให้ครอบครัวตนเสียหาย

เพราะถ้าดูจากกล้องวงจรปิด ครอบครัวคู่กรณีก็ยังเข้าออกปกติ และเพิงที่อยู่ในภาพก็เป็นร้านขนาดใหญ่ ไม่ได้ลำบากอย่างที่เป็นข่าว หลังมีข่าวทางโวเชียลมีคนเข้ามาข่มขู่ทำร้าย รู้สึกไม่ปลอดภัย ครอบครัวจะแจ้งความดำเนินคดีกับเพจที่ทำให้ตนถูกด่า ได้รับความเสื่อมเสียชื่อเสียง

ล่าสุดวันนี้ วันนี้ผู้สื่อข่าวได้พบกับนายสำราญ วงษ์สระแก้ว ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายปกครองหมู่ที่ 4 เจ้าของบ้าน และเจ้าของที่ดิน ที่ติดป้ายประกาศห้ามเข้า ได้เปิดใจกับผู้สื่อข่าว ว่าร้านค้าของครอบครัว 13 ชีวิตนั้น ได้รุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ของตน หน้ากว้างระยะทางยาวกว่า 30 เมตร และลึกเข้ามาประมาร 5-8 เมตร ทำให้ตนมีเนื้อที่วางที่ติดกับทางเดินติดริมรั้วประมาณ 20 เมตร โดยก่อนที่พ่อตนเสียชีวิต ได้ให้รถไถมาทำทางไว้ตรงกลางที่ดินที่มีพี่น้องอยู่ 5 คน เพื่อใช้เป็นทางเข้าออก

ซึ่งที่ตรงนี้ตรงกับร้านค้าของครอบครัว 13 ชีวิตที่มาสร้างร้านปิดทาง ที่ผ่านมา ในฐานะที่ตนเป็นเจ้าของที่ได้ขอร้องให้ครอบครัว 13 ชีวิตเปิดทางให้ก็ถูกปฏิเสธ ซึ่งใช้เวลานานกว่า 20 ปีมาแล้ว ตั้งแต่ก่อนพ่อตนตาย และตอนมีชีวิตพ่อตนก็ทะเลาะกับครอบครัวนี้มาโดยตลอด แต่เดิมพื้นที่ตรงนี้รวมถึงถนนเป็นที่ดินของครอบครัวตน แต่ย่าตนได้ยกที่ส่วนหนี่งที่เป็นถนนในปัจจุบันให้เป็นถนนสาธารณะ โดยตอนแรกที่ครอบครัวนี้ย้ายมาได้มาขอทางครอบครัวตนว่าจะมาสร้างเพิงร้านค้าเล็กๆ ก่อนจะขยับขยายใหญ่โตอย่างที่เห็นในปัจจุบัน เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่าครอบครัว13 ชีวิตนี้ใช้อำนาจอะไรมาสร้างร้านค้านี้ นายสำราญได้บอกว่า เขาใช้อำนาจนักเลงในสมัยก่อนครอบครัวนี้ได้มาอาศัยอาบน้ำห้องน้ำบ้านของตน ปัจจุบันได้ขอบ้านเลขที่เก่าของพ่อเค้าแล้วเอามาสวมใช้กับเพิงร้านค้าริมถนนเพื่อใช้ไฟ ส่วนน้ำใช้น้ำประปาหมู่บ้าน

จนกระทั่งเพิงร้านค้าของครอบครัวนี้ขยายใหญ่ขึ้น ก็ปิดขวางทางไหลของน้ำ ทำให้น้ำไหลเข้าท่วมบ้านตนเวลาหน้าฝน ก่อนหน้านี้ก็มีขยะทิ้งเข้ามาที่ดินของตนเองซึ่งเป็นด้านหลังร้านค้า ตนก็ได้ร้องเรียน อบต. โดยตอนนี้เรื่องได้ถึง อบจ. ทางครอบครัว13ชีวิตได้มีการร้องไปถึงศาลปกครองให้คุ้มครอง แต่ตนไม่แน่ใจคุ้มครองนานกี่ปี

ในส่วนที่ครอบครัว 13 ชีวิตอ้างว่าในตอนนั้นที่จะซื้อที่ดินนั้นไม่มีเงินนั้น จริงแล้วแม่ของครอบครัวนี้มาตั้งเพิงร้านค้าหน้าบ้านตนมานาน ก่อนจะให้ซื้อที่ดินทางเจ้าบ้านเสียอีก ตอนนั้นครอบครัวนี้เปิดโต๊ะสนุ๊ก มีรถยนต์ ดังนั้นจะบอกว่าไม่มีเงินได้ยังไง กับเงิน เพียง 3,000 บาท ซี่งตอนมองว่าเขามีแต่เขาไม่ให้ ซึ่งเป็นความเห็นแก่ตัวของเขา ซึ่งถ้าเขาตกลงซื้อในตอนนั้นก็จะมีทางเข้า- ออกขนาดใหญ่รถยนต์ผ่านได้ .

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส