ญาติเชื่อปมฆาตกรรมหลวงปู่พูน ฝีมือคนใกล้ชิดเหตุยืมเงินไม่มีคืน

4 มี.ค. 67

ญาติเชื่อปมฆาตกรรมหลวงปู่พูน เป็นฝีมือคนใกล้ชิด เรื่องยืมเงินแล้วไม่มีคืน ด้านคนขับรถปฏิเสธไม่เกี่ยวข้อง แต่ยอมรับติดเงินพระจริง

 

ความคืบหน้าคดี หลวงปู่พูน ฐิตปุญโญ อายุ 75 ปี ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดป่าเกษมสุข หมู่ 8 บ้านท่าเสา ต.เพชรละคร อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ ถูกไฟเผาเกือบทั้งร่างเหลือเพียงท่อนบนและศีรษะบางส่วนเท่านั้น จุดเกิดเหตุอยู่ภายในชุมชน อยู่ภายในเขตพื้นที่วัดเนื้อที่ราว 20 ไร่ ซึ่งสภาพศพที่พบ มีลักษณะนอนคว่ำหน้าถูกไฟไหม้เกือบทั้งร่าง เหลือเพียงส่วนหัวและไหล่ซ้าย

ทีมข่าวพูดคุยกับนายไพยุทธ์ มั่นบ่อแจ อายุ 77 ปี ญาติหลวงปู่พูน เล่าว่า หลวงปู่พูนเป็นพระที่ระวังตัวมาก เวลาอยู่ในวัดหากคนที่ไม่สนิทหรือคนไม่รู้จักมาหา ท่านจะไม่ออกมาจากกุฏิ จึงเชื่อว่าผู้ที่ก่อเหตุเป็นบุคคลใกล้ชิด

โดยช่วงเดือนเมษายน ปีที่แล้ว ตนมาหาหลวงปู่ที่วัด ท่านก็บ่นให้ฟังว่ามีบุคคลใกล้ชิดยืมเงินไปจำนวนหลายแสนบาท ยังไม่ยอมคืน ไม่รู้จะทำอย่างไรดี ตนก็บอกไปว่าหากอยากได้เงินคืนจริงๆให้บอกตน เพราะจะพาไปพบตำรวจให้ช่วยไกล่เกลี่ย เนื่องจากหลวงปู่ไม่มีหลักฐานเป็นเอกสารการกู้ยืม อาจจะทวงยาก หลังจากนั้นหลวงปู่ก็เงียบหายไป จนมารู้ข่าวว่าหลวงปู่ถูกฆาตกรรมแล้ว

ส่วนตัวคิดว่าคนก่อเหตุก็คือบุคคลใกล้ชิดที่มีปัญหาเรื่องเงินดังกล่าว อาจจะมีการทวงถามเรื่องเงินแล้วเกิดความไม่พอใจ
โดยที่ผ่านมาเรื่องวัยรุ่นติดยา เคยมีมาขอเงิน แต่หลวงปู่บอกว่าให้ไป 200-300 บาท ก็หายไป ไม่เคยมาทำอันตราย
ส่วนตัวมองว่าผู้ก่อเหตุน่าจะมีมากกว่า 3 คน เพราะหลวงปู่เป็นคนรูปร่างใหญ่

ด้าน น.ส.ดวงพร สวัสดี อายุ 41 ปี หลานสาวหลวงปู่พูน กล่าวว่า ชาวบ้านหลายคนสงสัยว่า หลวงปู่จะถูกลากออกไปจากห้องน้ำตอนที่ท่านกำลังสรงน้ำ เพราะในห้องน้ำมีรองเท้าแตะของหลวงปู่ถอดทิ้งไว้ นอกจากนี้ตนสงสัยปมที่ศพของหลวงปู่ที่ถูกเผา สภาพจุดเผามีรอยไหม้น้อยมาก ประกอบกับไม่เจอกระดูกท่อนล่าง จึงคาดว่าคนร้ายน่าจะอุ้มหลวงปู่ไปฆ่าที่อื่น และเผาทิ้งจนเหลือแค่ท่อนบน ก่อนนำมาโยนทิ้งไว้ที่จุดพบศพ

โดยที่ผ่านมาหลวงปู่ไม่เคยบ่นอะไรให้ฟัง แต่ตนก็ตั้งประเด็นเรื่องขี้ยา ที่ชอบมาขอเงินหลวงปู่เป็นประจำ บางครั้งท่านก็ไล่ไป อาจจะเกิดความไม่พอใจ อีกประเด็นคือเรื่องหนี้สิน ที่มีบุคคลใกล้ชิดยืมเงินท่านไป ซึ่งเป็นเงินมรดกที่ท่านได้มาตั้งแต่ก่อนบวช โดยหลวงปู่เคยพูดว่ายังไม่ได้เงินคืน และคนที่ยืมเงินไปก็ขอมาดูแลเพื่อเป็นการตอบแทน ซึ่งหลวงปู่พูดในทำนองว่าไม่รู้จะทำอย่างไร ก็ต้องกล้ำกลืนทำไป

จากนั้นทีมข่าวพูดคุยกับนายอุเทน อายุ 58 ปี ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ซึ่งเป็นผู้ที่ขับรถรับส่งหลวงปู่พูน เพื่อไปบิณฑบาตในตอนเช้า

โดย นายอุเทน เล่าว่า เมื่อวานนี้ (3 มี.ค.) เวลา 06.00 น.ตนขี่รถจักรยานยนต์มาที่วัดเพื่อจะรับหลวงปู่พูนไปบิณฑบาตตามปกติ  แต่มาถึงพบว่ากุฏิของหลวงปู่ปิดไฟ ตอนนั้นไม่ได้เอะใจ แต่เห็นว่ามีไฟไหม้ป่าหลังกุฏิ ตนจึงรีบไปตามเจ้าหน้าที่อปพร.ของอบต.เพชรละคร มาช่วยฉีดน้ำดับไฟ หลังจากไฟดับ ตนก็เดินมาที่กุฏิหลวงปู่พูนอีกรอบ พบว่ามีชาวบ้านมารอทำบุญ แต่ไม่พบหลวงปู่พูน ตนจึงช่วยตะโกนเรียก ซึ่งก็ไม่มีเสียงตอบรับ ตนจึงตัดสินใจเปิดประตูกุฏิ เพราะกุฏิไม่ได้ล็อก แต่ก็ไม่พบหลวงปู่พูน

จากนั้นจึงไปแจ้งผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ให้ชาวบ้านมาช่วยกันตามหาหลวงปู่พูน เพราะท่านหายไปจากวัด จนชาวบ้านมาช่วยกันตามหา และพบศพหลวงปู่พูนอยู่ที่ป่าหลังกุฏิ มีรอยไฟไหม้ ซึ่งจุดที่พบศพ ไม่ใช่จุดที่ตนไปตามเจ้าหน้าที่มาดับไฟช่วงเช้า เนื่องจากอยู่ฝั่งตรงข้ามกัน ห่างกันประมาณ 20-30 เมตร ตนก็ไม่ได้สังเกตช่วงที่ดับไฟว่ามีศพอยู่บริเวณดังกล่าว

ส่วนตัวไม่รู้ปมเหตุฆาตกรรมในครั้งนี้ ส่วนที่มีการสงสัยตนเกี่ยวกับการกู้ยืมเงินนั้น ยอมรับว่าเคยยืมเงินหลวงปู่ เมื่อช่วงเดือนตุลาคมปีที่แล้ว จำนวน 20,000 บาท ใช้คืนไปแล้ว 3,000 บาท ซึ่งหลวงปู่ก็บอกว่าหากไม่มีก็ยังไม่ต้องคืน ไม่ได้มีการทวงถาม นอกจากนี้ลูกชายของตนก็เคยยืมเงินหลวงปู่จำนวน 100,000 บาท แต่ใช้คืนไปหมดแล้ว ยืนยันว่าตนไม่ได้ฆ่าหลวงปู่

โดยนายอุเทน ระบุว่า ตนคงไม่สามารถจะทำหลวงปู่ได้ ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาจากสาเหตุใด ตนไม่รู้ เพราะหลวงปู่ไม่เคยพูดให้ฟัง.

 

 

 

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส