อดีตทหารเกณฑ์ แฉ ซักชั้นในเมียนาย ทอดไข่ เก็บแก้วเหล้า รับใช้ที่ไม่ใช่รับใช้ชาติ แต่เป็นขี้ข้า 8 เดือน

อดีตหนุ่มทหารเกณฑ์แฉยับ 8 เดือนสุดนรก เจอนายสกปรกสั่งซักกางเกงในเมีย ตั้งวงเหล้ายันเช้า เก็บขวดเหล้าขวดเบียร์ บางคนใช้ทุกวินาทีไข่ใบเดียวก็ทอดกินเองไม่ได้ สะท้อนระบบทหารเป็นที่ตัวบุคคลไม่ใช่องค์กร ตรวจสอบเท่าไหร่ก็ไม่หมด เพราะคนแบบนี้มีทั่วประเทศ

กรณีเพจ “อีซ้อขยี้ข่าว” โพสต์คลิปอ้างว่าเป็นทหารเกณฑ์ คนหนึ่งถ่ายคลิปเอาไว้ระบุว่า  หนุ่มทหารเกณฑ์ขอระบายอยู่บ้านนายต้องทำอะไร... โดยคลิปดังกล่าวถ่ายกองเสื้อผ้า ที่มีเสื้อผ้ากองอยู่หลายชิ้น คนในคลิปหยิบผ้าทีละชิ้น และอธิบาย พร้อมให้ดูสภาพภายในบ้าน ที่เหมือนมีงานเลี้ยงสังสรรค์ เพราะเต็มไปด้วยถ้วยชามมีเศษอาหาร และขวดเหล้า เบียร์เต็มโต๊ะและใต้โต๊ะ

คอนเทนต์แนะนำ

ดับแล้ว 5 ศพ! นักท่องเที่ยวต่างชาติสังเวยชีวิตให้เหล้าผสมเมทานอลในลาว

ทำถึง! ทีมเชียร์ลีดเดอร์ขอนแก่นวิทยายน จากไวรัลชุดบอดี้มนุษย์และเปรต

รมช.คลัง แนะเข้าเว็บ Welfare.mof.go.th ยืนยันสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

โดยคลิปดังกล่าวถูกแชร์ออกไปมากกว่า 600 แชร์ เข้ามากดไลค์หลักหมื่นชาวเน็ตวิจารณ์ไปหลายมุม มอง โดยเฉพาะชาวเน็ตบางคนเคยมีประสบการณ์ด้านนี้ก็ออกมาแชร์ประสบการณ์ของตัวเอง เช่น “ผมโชคดีไปได้นายมีคุณธรรมมากเหมือนเพื่อนร่วมรบ รองผบ.กกล.สุรนารี สมัยนั้นปลาทูตัวเดียวยังเเบ่งครึ่ง” / "ตอนเป็นทหารเกณฑ์ผมก็เคยอยู่กับนายแต่นายไม่เคยให้ซักกางเกงใน" 

ขณะที่แอดมินเพจก็คอมเมนต์ระบุว่า ”อย่ามองเป็นเรื่องปกติค่ะ ตอนอยู่บ้านยังไม่เคยพับกางเกงในให้แม่ แล้วเมียนายไม่ใช่แม่ทำไมต้องพับให้ ???“

ทีมข่าวอมรินทร์ทีวีติดตามเรื่องนี้ และได้พูดคุยกับบุคคล ที่มอบคลิปดังกล่าวให้ทางเพจไปเผยแพร่

คือนายบี (นามสมมติ)อายุ 23 ปี อดีตทหารเกณฑ์ ปัจจุบันปลดประจำการแล้ว เล่าว่า หลังจากจับได้ใบแดง ปี 64 ก็เข้ากองประจำการที่กองบัญชาการแห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรี ประมาณ 5-6 เดือน ขณะนั้นรับมอบหน้าหน้าที่ เป็นเสมียนประจำกอง ทำหน้าที่ส่งเอกสาร ทุกอย่างปกติดี

กระทั่งเข้าเดือนที่ 7 ค่ายมีระบบจัดให้ทหารเกณฑ์ไปออกราชการ ไปอยู่ประจำชายแดนกัมพูชา กับเพื่อนทหารเกณฑ์ประมาณ 30 คน โดยไม่ได้ทราบว่าให้ไปทำหน้าที่อะไรแต่ตนเองเข้าใจว่าการไปอยู่ชายแดนก็ไปเพื่อรักษาเขตแดนไทย ทำหน้าที่ของทหารตามปกติ หรืออยู่ครัวทำอาหาร ให้ทหารที่อยู่ชายแดน

นายบี บอกว่า เมื่อไปถึงค่าย ที่อยู่ติดชายแดนในพื้นที่จังหวัดแห่งหนึ่ง ก็ถูกแบ่งกลุ่ม ออกมา 5 คนไปอยู่กองร้อยเดียวกัน โดยตนเองอยู่ในกลุ่มที่ถูกพาไปยังที่พักค่ายทหาร ซึ่งจะมีทหารระดับนายพลพักอาศัยอยู่ ประมาณ 30 คน โดยให้เลือกว่าจะอยู่ Maid (แม่หรือพ่อบ้าน) ทำหน้าที่ซักผ้าเสิร์ฟข้าวให้นาย หรือจะอยู่ครัว ทำกับข้าว ในชนิดที่จะต้องเก็บจานข้าวของพวกนายที่กินเสร็จแล้ว และนำไปล้าง มิหนำซ้ำบางครั้งยังจะต้องเก็บขวดเหล้า แก้วเหล้าให้แก่พวกนายที่กินสังสรรค์กันในช่วงค่ำคืน

โดยการออกราชการอยู่ค่ายติดชายแดน ต้องอยู่เป็นระยะเวลารวม 8 เดือน และตนเองโชคร้ายได้ทำถึง 2 หน้าที่ เปรียบเหมือนเป็นทหารรับใช้ และไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะต้องมาซักผ้าให้นาย และชุดชั้นในของเมียนายด้วย เพราะกางเกงในของแม่ยังไม่เคยต้องมาซักให้เลย ตนรู้สึกแย่มาก

ซึ่งบางวันนายทหารกินเลี้ยงส่วนตัวกัน  ตนก็ต้องตื่นตี 5 มาเก็บขวดขวดเหล้า - ขวดเบียร์ -และแก้วเหล้า บางวันตื่นมาตี 5 นายทหารก็ยังสังสรรค์กันไม่เสร็จสิ้น เป็นแบบนี้แทบทุกคืน

แต่ยอมรับว่าในช่วงระยะ 8 เดือน ก็มีนายดี ๆ เช่นเดียวกัน ส่วนนายที่แย่ ชอบใช้งานตลอดแม้แต่ไข่ใบเดียวก็ต้องทอดให้กิน

“ บางครั้งตนนั่งกินข้าวอยู่ถูกเรียกใช้งานตนต้องรีบวางช้อนข้าว และไปทำงานที่นายใช้ก่อน เพราะขัดไม่ได้ ยืนยันเป็นทหารรับใช้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งไม่ใช่รับใช้ชาติ แต่เป็นขี้ข้า 8 เดือน ”

นายบี ยังยอมรับว่าที่ถ่ายคลิปไว้ เพราะรู้สึกแย่ ไม่อยากให้ทหารเกณฑ์ต้องไปอยู่จุดนั้น หน้าที่ทหาร มีชัดเจน เช่น อยู่เวรยาม อยู่กองเกียรติยศ ซึ่งต้องหน้าที่ของทหารจริง ๆ ไม่ใช่ไปซักกางเกงใน

ทั้งนี้การเป็นทหารรับใช้ 8 เดือน นายบี ย้ำว่าคำสั่งการใช้ให้ไปซักเสื้อผ้า-ล้างจาน เป็นคำสั่งจากปากนายทหารบางคน เป็นคำสั่งเฉพาะบุคคล ไม่ใช่คำสั่งของกองร้อย ซึ่งเรื่องการซักกางเกงในเมียนาย ช่วงหลังมีนายท่านหนึ่งยศสูงกว่าพบเห็น ก็ตำหนิ และไปช่วยพูดคุยให้ ทำให้ช่วงหลัง ๆ ตนไม่ได้ซักกางเกงในของเมียนายอีก

นายบี บอกว่าสุดท้าย เมื่อกลับมากองร้อย ก็อยู่ต่ออีก 3 เดือน รู้สึกดี เพราะได้รับมอบหมายทำหน้าที่ตามปกติทั่วไป 3 เดือนสุดท้านนี้ ตนได้อยู่จุดยาม มีการฝึกฝน และทำโทษตามระเบียบปกติ

สำหรับเหตุการณ์ที่ตนเองพบเจอในช่วงเป็นทหารเกณฑ์มองว่าเป็นเรื่องส่วนบุคคลไม่เกี่ยวกับองค์กร แต่หากจะมีการตรวจสอบก็มองว่าคนแบบนี้ไม่มีวันหมดไปจากสถาบันฯ เพราะมันมีอยู่ทุกที่ ตนเองอยากฝากย้ำไปถึงนายที่ใช้ซักกางเกงในในวันนั้นว่า เป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง และก็ไม่อยากให้เขาไปกระทำแบบนี้กับรุ่นน้องรุ่นต่อ ๆ ไปอีก เพราะมันไม่ถูกต้อง

สุดท้ายตนอยากสะท้อนเรื่องราวที่เกิดขึ้น แม้ว่ารุ่นน้องจะถูกปรับย้ายเปลี่ยนนายกันไป ซึ่งก็ไม่ทราบชะตากรรมว่าจะเจอนายดีหรือไม่ แต่เป็นไปได้ไม่อยากให้รุ่นน้องต้องอยู่จุดเดียวกับที่ตนเคยผ่านมา เพราะไม่สมเกียรติกับคำว่าชายชาติทหาร