ดรามา ครูจับเด็กแก้ผ้าแข่งกีฬาสี ล่าสุด อบต.ที่จัดงานออกมาขอโทษ อ้างสื่อสารผิดพลาด ยันไม่ได้มีเจตนาไม่ดี
วันที่ ( 11 มี.ค. 67 ) ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสุรินทร์รายงานว่า จากกรณีที่เกิดกระแสดรามาเรื่องที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งออกมาโพสต์ข้อความลงในกลุ่ม “จิตวิทยาเด็กและครอบครัว ปรึกษาเรื่องเลี้ยงลูก” แสดงถึงความไม่พอใจกับการแข่งขันกีฬาสี โดยให้เด็กแก้ผ้าล่อนจ้อนเหลือแต่กางเกงใน ก่อนจะให้แข่นขันกันกันสวมใส่เสื้อผ้า ต่อหน้าครู และผู้ปกครอง และผู้ที่เข้ามาร่วมงานนับร้อย จนเกิดเป็นกระแสดรามาขึ้นมา
กระทั่งผู้สื่อข่าวสืบค้นข้อมูลจากภาพที่ถูกนำออกมาแชร์อยู่ในโลกออนไลน์จนทราบว่า กิจกรรมดังกล่าวนั้นถูกจัดขึ้นภายใต้ “โครงการแข่งขันกีฬาหนูน้อยประจำปี 2567 ( กีฬาสี 4+2 )” ณ โรงยิมเผ่าแผน สนามกีฬาศรีณรงค์ ต.นอกเมือง จ.สุรินทร์ เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการนำเอานักเรียนปฐมวัยจากศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ภายใต้สังกัดการดูแลขององค์การบริหารส่วนตำบลนอกเมือง มาเข้าร่วมกิจกรรม และมีการแข่งขันการใส่เสื้อผ้า เพื่อเป็นการเพิ่มทักษะให้หนูๆนักเรียนได้เรียนรู้ในการช่วยเหลือตัวเองเรื่องการแต่งตัว
ล่าสุดทางด้านนายสุภณัฐ ศิริทอง ผู้อำนวนการกลุ่มงานกฎหมายระเบียบ และร้องทุกข์ สำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น จ.สุรินทร์ ได้เรียกผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเข้าร่วมประชุม
โดยนายอนุชา พิสมัย ปลัด อบต.นอกเมือง เปิดเผยข้อมูลว่าในฐานะเป็นผู้ดำเนินการจัดการแข่งขันต้องขอกราบขออภัยไปถึงผู้ปกครองในเรื่องที่เกิดขึ้น และจะนำไปเป็นบทเรียนในการกำชับครูที่มีส่วนรับผิดชอบในเรื่องนี้ ต้องตระหนักและใส่ใจในประเด็นระเอียดอ่อนนี้ให้มากที่สุดมาก กว่าเท่าที่เป็นอยู่ ทาง อบต.ในฐานะที่เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบ ถือว่าเป็นบทเรียนอย่างมาก
ทางด้านนายสุภณัฐ ศิริทอง ผู้อำนวนการกลุ่มงานกฎหมายระเบียบ และร้องทุกข์ กล่าวว่า ขณะนี้ผู้ปกครองเด็กที่เข้าร่วมการแข่งขันการใส่เสือผ้าทั้ง 12 คน จาก 6 ศูนย์ฯ ไม่ได้ติดใจหรือคับข้องใจอะไร และผู้ปกครองของนักเรียนทั้ง 12 คน ไม่ได้เป็นผู้ออกมาร้องเรียนแต่อย่างใด และในขณะแข่งขันก็ไม่ได้มีผู้ใดออกมาทักท้วงหรือท้วงติงแต่อย่างใด แต่ถึงอย่างไรก็ตามต่อให้ไม่เป็นผู้ปกครองของเด็กทั้ง 12 คน ที่เป็นผู้ร้องเรียน แต่ภาพกับกิจกรรมที่ถูกเผยแพร่ออกไป ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์หรือว่าคนที่เห็น ก็มีสิทธิ์ในการท้วงติงหรือว่ากังวลใจกับกิจกรรมที่เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นทางจังหวัดเอง ก็คงต้องสั่งการมาที่อำเภอ เพื่อให้ทางอำเภอออกมาตรวจสอบ และรายงานข้อเท็จจริงให้ทางจังหวัดทราบ สิ่งไหนที่เป็นข้อบกพร่อง หรือสิ่งไหนที่ยังไม่ถูกไม่ต้องละเลย และต้องดำเนินการให้ถูกต้องเพื่อแก้ไขต่อไป วันนี้ก็อยากสื่อสารให้ผู้ปกครองทุกคนให้รับทราบ และเชื่อมั่นในการบริหารการศึกษาที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของท้องถิ่น ยืนยันที่จะดูแลบุตรหลานของท่านให้ดีที่สุด สำหรับปัญหาที่มันเกิดขึ้น อาจจะเกิดจากการสื่อสารที่ไม่รอบคอบ ก็เลยเป็นภาพที่ไม่เหมาะสมเกิดขึ้น ทั้งนี้สิ่งที่เกิดขึ้นก็คงต้องเป็นบทเรียนสำคัญให้ทางต้นสังกัดที่เป็นผู้จัด ได้ตระหนักถึงทุกภารกิจที่เกี่ยวข้องกับผลกระทบ ทั้งตัวเด็กและความเชื่อมั่นของผู้ปกครอง
จากการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่าจริงๆแล้วผู้ปกครองที่ออกมาเผยแพร่ข้อความที่มีการพูดคุยกับครูและเพื่อนผู้ปกครองในกลุ่มไลน์ และออกไปโพสต์ลงในกลุ่ม “จิตวิทยาเด็กและครอบครัว ปรึกษาเรื่องเลี้ยงลูก” นั้นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และทางผู้ปกครองรายนั้น ก็ได้พาทนายความ เข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.หัวหิน เพื่อรอ ผอ.และครู ในศูนย์ฯ มาเจรจาต่อหน้าเจ้าหน้าที่
แต่ภาพที่ถูกแชร์อยู่ในโลกออนไลน์นั้นเป็นเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้น อยู่ในจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งบังเอิญ เป็นเหตุการณ์คล้ายกัน จนเกิดความเข้าใจผิดและผู้ปกครองที่พาเด็กเข้าร่วมกิจกรรม ก็ไม่มีใครออกมาร้องเรียนหรือท้วงติงแต่อย่างใด.