แถลงจับขบวนการขนต่างด้าว จับคลินิกเถื่อนต่างชาติ

13 มี.ค. 67

แถลงจับขบวนการขนต่างด้าว จับคลินิกเถื่อนต่างชาติ

ตามนโยบายของ สานักงานตารวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. รวมทั้ง พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิด กฎหมาย สานักงานตารวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ สตม. สกัดกั้น ตรวจสอบ ระดมจับกุมคนต่างด้าวที่เข้ามาประกอบธุรกิจ ผิดกฎหมายในประเทศไทย รวมทั้งให้ดาเนินการตรวจสอบ ชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะ ที่พานักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทาผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและ ทรัพย์สินของประชาชน ทาให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือ กลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ ก่อเหตุ หรือโดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทาความผิด

ภายใต้การอานวยการของ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.สส.สตม., พล.ต.ต.ทรงโปรด สิริสุขะ ผบก.ตม.6, พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ภาณุภาคยณ์ จิตต์ประยูรตี รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.กันตวัฒน์ พงศ์สถาบดี รอง ผบก.ตม.6, พ.ต.อ.ชูวงษ์ อุทัยสาง ผกก.ปอพ.บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ธวัชชัย นรินรัตน์ ผกก.1 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.นฤวัต พุทธวิโร ผกก.ตม.จว.สุราษฎร์ธานี ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสาคัญ ดังนี้

dsc_05421.ขยายผลทลายเครือข่าย CHET CHEA เหมาทัวร์ซุก 43 บังกลา ส่งมาเลเซีย

ตม.จว.สุราษฎร์ธานี ร่วมกับ กก.ปอพ.บก.สส.สตม., กก.สส.บก.ตม.6, และ สน.พญาไท จับกุม นายเจต (นามสมมติ) อายุ 34 ปี สัญชาติกัมพูชา ตามหมายจับศาลจังหวัดไชยา ที่ จ.37/2567 ลงวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2567 ต้องหาว่ากระทาความผิดฐาน รู้ว่าคนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง ให้เข้าพัก อาศัยซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพ่ือให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม นาตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เสวียด จว.สุราษฎร์ธานี ดาเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุมหน้าโรงแรมย่าน แขวงพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ

จากกรณีเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2566 ได้เกิดเหตุรถบัสโดยสารไม่ประจาทางประสบอุบัติเหตุพลิกคว่า ในพื้นที่ ต.เสวียด อ.ท่าฉาง จว.สุราษฏร์ธานี ในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตารวจได้จับกุมนายณัฐพลฯ และนายสาเภาฯ พร้อมด้วย คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองสัญชาติบังกลาเทศ จานวน 43 คน จากการสืบสวนขยายผลพบว่าคนขับรถบัสโดยสาร คันเกิดเหตุได้รับการติดต่อว่าจ้างจากนายวิรัตน์ฯ และ น.ส.คาเตือนฯ ให้ไปรับคนต่างด้าวสัญชาติบังกลาเทศ จากป๊ัมน้ามันแห่งหนึ่งใน จว.ฉะเชิงเทรา ไปส่งยัง จว.สงขลา ตกลงค่าจ้างเหมา 50,000 บาท โดยมีนายวิรัตน์ฯ คอยทา หน้าที่เป็นรถนาทาง แจ้งด่านตรวจ จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในปั๊มน้ามัน พบขบวนการขนคนต่างด้าวฯ มาเปลี่ยนถ่ายคนต่างด้าวฯ ไปยังรถบัส จานวน 5 คัน เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนฯ จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับ นายวิรัตน์ฯ และ น.ส.คาเตือนฯ และสามารถติดตามจับกุมตัวได้ เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2566 จากการสืบสวนขยายผล จากการจับกุม สามารถออกหมายจับ นายณัฐวัฒน์ฯ และแจ้งข้อกล่าวหาแก่นายเอนกฯ ซึ่งทั้ง 2 ราย ทาหน้าที่ขับรถ ขนคนต่างด้าวฯ จากพื้นที่ อ.อรัญประเทศ จว.สระแก้ว เพื่อไปส่งที่ปั๊มน้ามันแห่งหนึ่งใน จว.ฉะเชิงเทรา หลังจากการ จับกุมทั้ง 2 รายเจ้าหน้าท่ีชุดสืบสวนฯ ได้สืบสวนขยายผลเพื่อขอศาลอนุมัติหมายจับผู้ร่วมกระทาผิดเพิ่มเติมอีก 3 ราย คือ 1. นายเสือฯ ทาหน้าที่ว่าจ้างทีมรถขนคนต่างด้าวฯ 2. นายคะนองฯ และ 3.นายเชาวลิตฯ ทาหน้าที่ขับรถขนคน ต่างด้าวฯ ในเส้นทาง อ.อรัญประเทศ จว.สระแก้ว ไปยังปั๊มน้ามันแห่งหน่ึงใน จ.ฉะเชิงเทรา โดยสามารถติดตามจับกุมได้ทั้งหมดเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567

จากการสืบสวนขยายผลเพิ่มเติมพบว่านายเสือฯ ได้รับการติดต่อประสานงานกับ นายเจตซึ่งเป็นนายหน้าระดับสั่งการเครือข่าย CHET CHEA ทาหน้าที่ประสานงานกับนายหน้าขนคนต่างด้าว ตามแนวชายแดนพื้นที่ อ.อรัญประเทศ จว.สระแก้ว และนายหน้าขนคนต่างด้าวฝั่งประเทศกัมพูชา โดยหลังจากนายเสือฯ รับงานจากนายเจต ได้ติดต่อว่าจ้างนายวิรัตน์ฯ ให้จัดหารถขนคนต่างด้าวไปยังพื้นที่ จว.สงขลา โดยให้ค่าจ้าง 3,000 บาท/คน และประสานงานกับนายเชาวลิตฯ เพื่อจัดหารถยนต์ส่วนบุคคลรับคนต่างด้าว จากแนวชายแดน อ.อรัญประเทศ จว.สระแก้ว ไปส่งยังจุดพักคอย/จุดนัดรับส่ง ในพื้นที่ จว.ฉะเชิงเทรา โดยกลุ่มรถขนคนต่างด้าว เส้นทาง อ.อรัญประเทศ จว.สระแก้ว ไปยังสถานีจ่ายน้ามันบางวัว ได้ค่าจ้าง 1,500 บาท/คน เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนฯ จึงรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขอศาลอนุมัติหมายจับนายเจต และสามารถติดตามจับกุมได้ในที่สุด

จากการสืบสวนเพิ่มเติมพบว่ากลุ่มรถขนคนต่างด้าวดังกล่าว มีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายขนคนบังกลาเทศ นายอัสราฟ (สัญชาติบังคลาเทศ) โดยนายวิรัตน์ฯ จะประสานงานกับนายอับบาส (สัญชาติปากีสถาน) ผู้ต้องหาหลบหนี หมายจับ 2 หมาย โดยนายอับบาส ทาหน้าที่ประสานงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ และจัดหารถขนคนต่างด้าวเส้นทาง สงขลา - นราธิวาส เพื่อนาคนต่างด้าวลักลอบเดินทางออกไปยังประเทศมาเลเซีย

ผลการปฏิบัติในการสืบสวนจับกุมเครือข่าย CHET CHEA ดังกล่าว สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 10 ราย เป็นการจับกุมที่เกิดเหตุ3ราย, ขยายผลออกหมายจับ 7 ราย และแจ้งข้อกล่าวหา 1 ราย สามารถติดตามจับกุม เครือข่าย CHET CHEA ได้ทั้งหมด

แถลงจับขบวนการขนต่างด้าว จับคลินิกเถื่อนต่างชาติ

2.ตม.จว.สุราษฎร์ธานีรวบหมอรัสเซียเปิดคลินิกิความงามเถื่อน ตม.จว.สุราษฎร์ธานี จับกุมคนต่างด้าวสัญชาติรัสเซีย จานวน 2 ราย ดังนี้

  1. นายอเล็กซานเดอร์ (นามสมมติ) อายุ 35 ปี โดยกล่าวหาว่า ทำงานนอกเหนือสิทธิ์ที่จะทำได้
  2. น.ส.ลิลเลีย (นามสมมติ) อายุ 32 ปี โดยกล่าวหาว่า ทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน

นำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สภ.บ่อผุด จว.สุราษฎร์ธานี ดาเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม โรงแรมแห่งหนึ่งใน ต.บ่อผดุ อ.เกาะสมุยจว.สุราษฎร์ธานี

สืบเนื่องมาจากเจ้าหน้าท่ีสืบสวน ตม.จว.สุราษฎร์ธานี ได้สืบทราบว่ามีคนต่างชาติได้ลักลอบเปิดสถานประกอบการเสริมความงามในลักษณะเป็นสถานพยาบาลในพื้นที่ ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย จว.สุราษฎร์ธานี โดยได้เปิดให้บริการหลายประเภท รวมท้ังมีการรักษาด้วยวิธีการปั่นเกล็ดเลือดแล้วนำกลับไปฉีดเข้าร่างกายของผู้รับบริการ ซึ่งมี ผู้ใช้บริการท้ังชาวไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งการบริการประเภทนี้จะต้องได้รับการควบคุมจากเจ้าหน้าที่เฉพาะทาง ซึ่งถ้า ไม่มีการควบคุมอาจจะเป็นอันตรายจนถึงชีวิตต่อผู้มาขอรับบริการได้ ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตม.จว.สุราษฎร์ธานี จึงได้สืบค้นข้อมูลสถานบริการดังกล่าวจากในโลกสังคมโซเชียล (SOCAIL) ปรากฏว่าชื่อ ALSPA BEUTY CLINIC มีการ โฆษณาการให้บริการในแอปพลิเคชั่นในสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ จำนวนมาก ที่สามารถนาข้อมูลมาทำการสืบสวน เช่น ภาพการลงโฆษณาการให้บริการของ ALSPA BEUTY CLINIC ในอปพลิเคชั่น TIKTOK และอินสตราแกรมที่ปรากฏให้เห็นการบริการในสถานประกอบการดังกล่าวและตัวคนต่างชาติที่ทำหน้าที่เป็นผู้ให้บริการ

จากการตรวจสอบข้อมูลในเบื้องต้นพบว่าสถานบริการดังกล่าวได้เช่าพื้นที่ของโรงแรมแห่งหนึ่งใน ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย จว.สุราษฎร์ธานี เปิดเป็นสถานประกอบการ โดยไม่ปรากฎว่ามีการจดทะเบียนหรือขึ้นทะเบียนเป็นสถานพยาบาลตามกฎหมาย จึงสืบสวนหาข้อมูลบุคคลที่เกี่ยวข้องที่ทำหน้าที่ให้บริการและเจ้าของสถานประกอบการดังกล่าว จนทราบว่าเจ้าของสถานบริการดังกล่าวเป็นคนต่างชาติสัญชาติรัสเซียชื่อ น.ส.ยูเลีย (นามสมมติ) และมีคน ต่างชาติทาหน้าที่เป็นหมอเสริมความงามที่ปรากฎในการลงโฆษณาจานวนหลายราย โดยวิธีการผลัดเปลี่ยนกันมา ให้บริการตามรายการจองเข้าใช้บริการของลูกค้า จนเป็นที่แน่ชัดว่าสถานประกอบการดังกล่าวเปิดโดยผิดกฎหมายและ มีคนต่างชาติมาทางานโดยผิดกฎหมาย ตม.จว.สุราษฎร์ธานี จึงได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง วางแผนเข้าทา การจับกุม โดยขณะเข้าทาการจับกุมได้พบ น.ส.ลิลเลีย (นามสมมติ) และนายอเล็กซานเดอร์ (นามสมมติ) กำลังให้บริการเสริมความงามใบหน้าและบริการนวดรักษาอาการอักเสบกล้ามเนื้อแก่ลูกค้าคนต่างชาติด้วยกัน จากการ ตรวจสอบเอกสารพบว่า น.ส.ลิลเลีย (นามสมมติ) ไม่มีใบอนุญาตทางาน ส่วนนายอเล็กซานเดอร์ (นามสมมติ) ได้รับ อนุญาตให้ทางานกับบริษัทแห่งหนึ่งในตาแหน่งผู้จัดการทั่วไป ประเภทกิจการให้บริการที่พักอาศัย แต่มาทางานเสริม ความงาม จึงเป็นการทางานนอกเหนอื สิทธิ์ที่จะทาได้ นอกจากนี้ยังพบยาอันตรายและยาควบคุมพิเศษ, ยาที่ไม่มีสลาก ภาษาไทยเข้าข่ายยาที่ไม่ขึ้นทะเบียนในสถานพยาบาล, ผลิตภัณฑ์เสริมความงามที่ใช้ในการให้บริการกับผู้ที่ใช้บริการ เสริมความงามกับสถานพยาบาลดังกล่าวอีกจำนวนหนึ่งไว้จึงยึดไว้เพื่อตรวจสอบ และตรวจพบทาหัตถการ อุปกรณ์ เครื่องมือทางการแพทย์ เครื่องปั่นพลาสมา (เครื่องแยกเกล็ดเลือด) เข็มฉีดยาที่ใช้แล้วจำนวนมาก ยาที่มีเข็มฉีดยาเสียบ ติดไว้ที่เพิ่งผ่านการให้บริการ เข็มฉีดยาหลายขนาด กระบอกฉีดยา ผลิตภัณฑ์เสริมความงามอยู่ในตู้เย็นและลิ้นชักซึ่งจัด ไว้ให้บริการแก่ลูกค้า ระเบียนการรักษาหรือ OPD การ์ดของลูกค้าผู้มาใช้บริการ และรายการอัตราค่าบริการมีอุปกรณ์ ทางการแพทย์ ซึ่งพยานหลักฐานเหล่านี้บ่งชี้ชัดว่าสถานประกอบการดังกล่าวเป็นสถานพยาบาลซึ่งไม่พบว่ามีการจดทะเบียนหรือขึ้นทะเบียนเป็นสถานพยาบาลตามกฎหมาย จึงได้ตรวจยึดสิ่งของเหล่านี้ไว้เป็นของกลางทางคดีและ ดำเนินคดีกับคนต่างชาติทั้ง 2 ในข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวทางานโดยไม่มีใบอนุญาตทางานหรือทางานนอกเหนือสิทธิ์ ที่จะทาได้ พร้อมทั้งร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนให้ดาเนินคดีกับ น.ส.ยูเลีย (นามสมมติ) อายุ 41 ปี สัญชาติรัสเซีย ซึ่งเป็นเจ้าของและผู้จัดการตามคาให้การของผู้ถูกจับทั้ง 2 ราย ในความผิดฐานจัดตั้งกิจการสถานประกอบการ พยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 16 พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 และจาหน่ายยาโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 12 และมียาที่มิได้ขึ้นทะเบียนตารับ ตามมาตรา 72 (4) แห่ง พ.ร.บ.ยา 2510

แถลงจับขบวนการขนต่างด้าว จับคลินิกเถื่อนต่างชาติ

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทาความผิด ในด้านต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น ๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทาความผิด กรุณาแจ้งมายัง สานักงานตรวจคนเข้าเมือง อาคารเฉลิม พระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษา เลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี 11120 หรือติดต่อตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดในพื้นที่ หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

 

advertisement

advertisement

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส