ตำรวจสอบสวนกลาง -สบส. -อย. ปูพรม 8 จุด ค้นคลินิกเถื่อน - คลินิกชื่อดัง ลักลอบใช้ยาไม่มีทะเบียน ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางฉีดเข้าเส้นให้แก่ผู้ใช้บริการ
วันที่ 14 มี.ค. 67 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปคบ. กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ร่วมปฏิบัติการระดมตรวจค้นคลินิกทั่วประเทศ 8 จุด ที่ลักลอบใช้ยาไม่มีทะเบียน และผลิตภัณฑ์ที่จดทะเบียนเป็นเครื่องสำอาง แต่นำไปใช้ผิดประเภทโดยการนำมาฉีดเข้าร่างกาย และใช้บุคลากรที่ไม่ได้รับอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมทำการรักษาประชาชน
สืบเนื่องจากกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ได้รับเรื่องร้องเรียนจาก กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ขอให้ทำการตรวจสอบสถานพยาบาลที่มีการโฆษณาผ่านสื่อออนไลน์ โฆษณาเครื่องสำอางที่บรรจุในภาชนะบรรจุรูปแบบแอมพูล/ไวแอล(ขวดแก้ว) มีการนำไปใช้ผิดวิธีผิดวัตถุประสงค์ในคลินิกเสริมความงาม
อวดอ้างสรรพคุณ ช่วยในการทำงานของสมอง หัวใจและหลอดเลือด การหายใจ การนอนหลับ การซ่อมแซมของ DNA ปฏิกิริยาอนุมูลอิสระต่างๆในร่างกาย ป้องกันการชราภาพและระบบภูมิคุ้มกัน เหมาะกับทุกคนที่อยากดูแลรักษาสุขภาพ เพื่อให้มีอายุขัยและคุณภาพชีวิตที่ดีและยาวนาน โดยเฉพาะบางกลุ่มเช่น คนที่ทำงานหนัก พักผ่อนน้อย กลุ่มนอนหลับยาก มีปัญหาด้านระบบประสาท ระบบหัวใจ โรคเบาหวาน อันมีลักษณะการใช้เช่นเดียวกับยารักษาโรค หากฉีดเข้าสู่ร่างกายและเข้าสู่กระแสเลือด อาจมีอันตรายต่อร่างกาย ด้วยเครื่องสำอางดังกล่าวไม่ได้ผ่านการรับรองการฆ่าเชื้อ และผลิตในเชิงการแพทย์ อีกทั้งไม่พบว่าเป็นเครื่องสำอางที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานแพทย์ของรัฐ คลินิกบางแห่งใช้หมอเถื่อนในการตรวจรักษา จึงประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. เพื่อทำการตรวจสอบ
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนแล้ว พบว่ามีสถานพยาบาลชื่อดังหลายแห่ง มีการโฆษณานำเครื่องสำอางมาฉีดให้กับผู้มารับบริการ โดยอวดอ้างสรรพคุณเกินจริง จนนำมาสู่การร่วมปฏิบัติระดมกวาดล้างสถานพยาบาลที่ทำผิดกฎหมาย โดยมีเจ้าหน้าที่ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ., กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ, สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ รวม 8 จุด ในพื้นที่ กทม. และ จ.เชียงใหม่
การกระทำของผู้ต้องหาดังกล่าวเป็นความผิดตาม
- พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 ฐาน “ประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต และดำเนินกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต” ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
- พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 ฐาน “ประกอบวิชาชีพเวชกรรม โดยไม่ได้รับอนุญาต” ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปีหรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
- พ.ร.บ.ยา พ.ศ. 2510 ฐาน
- “ขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต” ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 10,000 บาท
- “ขายยาที่ยังไม่ขึ้นทะเบียนตำรับยา” ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 5,000 บาท
- พ.ร.บ.เครื่องสำอาง พ.ศ. 2558 ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่เจ้าหน้าที่ตรวจยึด เจ้าหน้าที่ จะรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับผู้ดำเนินการสถานพยาบาล
ด้าน ทพ.อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรม กรม สบส. กล่าวว่า การตรวจค้นครั้งนี้ สามารถจับกุมผู้กระทำผิด และยึดของกลางได้หลายรายการ โดยประเด็นที่น่าเป็นห่วงจากการจับกุมในครั้งนี้ นอกจากการลักลอบให้บริการของหมอเถื่อนที่ขาดความรู้ ความเชี่ยวชาญในการให้บริการทางการแพทย์แล้ว ยังมีการใช้ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางอย่างผิดวัตถุประสงค์ กรม สบส.จึงขอแนะให้ประชาชนสังเกตหลักฐานของคลินิกและแพทย์ก่อนรับบริการทุกครั้ง
ซึ่งนอกจากจะต้องตรวจสอบป้ายคลินิกว่ามีการแสดงเลขที่ใบอนุญาต 11 หลักใบอนุญาตให้ประกอบกิจการสถานพยาบาล และใบอนุญาตให้ดำเนินการสถานพยาบาลแล้ว จะต้องตรวจสอบชื่อ-นามสกุล รูปถ่ายและใบอนุญาตของแพทย์ที่ตรวจรักษา และในกรณี ของการฉีดสารเสริมความงาม หรือสารใดๆก็ตามเข้าสู่ร่างกายควรจะขอดูชื่อผลิตภัณฑ์ และเลขที่ผลิตภัณฑ์สุขภาพ ว่ามีการขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องกับสำนักงานคณะกรรมการอาหรและยา (อย.) หรือไม่ เพื่อความปลอดภัย
อย่างผลิตภัณฑ์ “Infinadi NAD+ aging solution” ที่ยึดได้ในครั้งนี้ เป็นเครื่องสำอางปลอม ไม่ได้ผ่านการรับรองการฆ่าเชื้อ และได้รับรองจากหน่วยงานแพทย์ของรัฐ หากประชาชนได้รับการฉีดสารดังกล่าวเข้าสู่ร่างกายก็อาจจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายจนเกิดความพิการ หรือเสียชีวิตได้
ขณะที่ ภก.วีระชัย นลวชัย รองเลขาธิการ อย. กล่าวว่า ผลการตรวจสอบพบการใช้ยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา, พบการลักลอบใช้เครื่องสำอางที่เพิกถอนใบรับจดแจ้ง และพบการนำเครื่องสำอางที่มีเลขที่ใบรับจดแจ้งที่มีไว้ให้บริการโดยวิธีฉีดจริง ซึ่งทาง อย., กก.4 บก.ปคบ.และ สบส. จะร่วมกันเข้าตรวจสอบกับคลินิกที่ลักลอบนำมาใช้ผิดวัตถุประสงค์ และขยายผลถึงแหล่งนำเข้าและจำหน่ายรายใหญ่ หากพบจะดำเนินคดีอาญาและทางปกครองต่อไป
ผลิตภัณฑ์ที่จดแจ้งเป็นเครื่องสำอางจะไม่มีการประเมินความปลอดภัยจากการใช้ไปฉีดเข้าสู่ร่างกายเนื่องจากเครื่องสำอางจะใช้ทาภายนอกเท่านั้น ดังนั้น หากนำเครื่องสำอางไปใช้ผิดวิธีหรือผิดวัตถุประสงค์อาจเกิดอันตรายต่อผู้ใช้ได้ ทั้งนี้ อย. ได้มีการเพิกถอนใบรับจดแจ้งเครื่องสำอางที่พบว่ามีการนำไปใช้ฉีดแล้ว จำนวน 6 ฉบับ และมีการดำเนินคดีผู้โฆษณาจำนวน 12 ราย
จึงขอเตือนทั้งผู้ให้บริการและผู้รับบริการในคลินิกเสริมความงาม โรงพยาบาล ให้ตรวจสอบฉลากและพิจารณาการใช้ผลิตภัณฑ์ในรูปแบบแอมพูล/ไวแอลอย่างละเอียด
พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ. กล่าวฝากความห่วงใยมายังพี่น้องประชาชนว่า ก่อนเข้ารับการรักษาโรค หรือเสริมความงาม ตามสถานพยาบาลต่างๆ ควรตรวจสอบการได้รับอนุญาตของคลินิกและแพทย์ที่ทำการรักษาก่อนในเบื้องต้น เพราะอาจทำให้ได้รับความเสี่ยงในการวินิจฉัยและรับการรักษาที่ไม่ถูกต้องจากบุคลากรที่ไม่ใช้แพทย์ เนื่องจากบริเวณใบหน้ามีเส้นเลือดและเส้นประสาทเป็นจำนวนมาก หากทำการฉีดรักษาโดยบุคลากรที่ไม่ใช่แพทย์อาจทำให้ได้รับความเสี่ยงต่อการรักษาที่ผิดพลาด และเกิดผลกระทบกับใบหน้าได้ง่าย บางรายอาจถึงขั้นเสียโฉมยากต่อการแก้ไข
และขอเตือนไปยังผู้ที่ลักลอบกระทำความผิด ไม่ว่าจะเป็นบุคคลที่สวมรอยเป็นหมอ, หมอเถื่อน หรือคลินิกเถื่อน ให้หยุดพฤติการณ์ดังกล่าวทันที เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการจับกุมอย่างต่อเนื่อง หากตรวจพบจะดำเนินคดีโดยเด็ดขาด พี่น้องประชาชนหากพบสถานพยาบาลหรือแพทย์ที่ต้องสงสัยว่าอาจอยู่ลักษณะหมอเถื่อน หรือคลินิกเถื่อน สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่ สายด่วน บก.ปคบ.1135 หรือเพจ ปคบ.เตือนภัยผู้บริโภค