จากกรณีที่ นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล ประธานสภานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวเล่าเหตุการณ์ที่เพื่อนนิสิตคนหนึ่งถูกอาจารย์รายหนึ่งทำร้ายร่างกายด้วยการล็อกคอ ระหว่างเดินออกจากพิธีถวายสัตย์หน้าลานพระบรมรูป 2 รัชกาล เมื่อวันที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากทนไม่ได้ที่ผู้จัดงานให้นิสิตหมอบกราบถวายบังคมขณะฝนตก ก่อนที่ทางมหาวิทยาลัยจะแถลงการณ์ในเวลาต่อมาว่า นายเนติวิทย์ จงใจปลุกปั่นและสร้างสถานการณ์
ขณะที่ พลโทนันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหนัาศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กเรียกร้องให้จุฬาฯ จัดการเนติวิทย์และกลุ่มเพื่อน เนื่องจากมองว่าเริ่มส่งผลกระทบต่อสังคมไทยบ้างแล้ว
ล่าสุดวันนี้ (7 ส.ค.)
นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล ประธานสภานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยกับทีมข่าวว่า กรณีมหาวิทยาลัยออกมาชี้แจงนั้นได้พูดเพียงมุมมองของคนแค่ไม่กี่คน น่าผิดหวังที่มหาวิทยาลัยไม่ให้ความเป็นธรรมกับตนและเพื่อนอย่างเพียงพอ
นายเนติวิทย์ กล่าวต่อว่า ในวันเกิดเหตุฝนตก ตนก็ไม่ได้เป็นคนเรียกฝน และก็ไม่ได้เรียกให้ทางอาจารย์มาล็อกคอ อาจารย์บางคนได้อคติกับตนอยู่แล้วหรือไม่ ถ้าจะโทษคงต้องโทษที่ตัวอาจารย์ โทษฟ้าฝน และการจัดงานที่ไม่มีประสิทธิภาพ
ส่วนกรณีพลโทนันทเดช โพสต์เฟซบุ๊กโจมตีตนว่าเป็นบ่อนทำลายระบบจุฬา ที่ต้องเคารพผู้อาวุโสนั้น นายเนติวิทย์ กล่าวว่า สิ่งที่พลโทนันทเดชโพสต์ ไม่ได้มีเนื้อหาสาระอะไรที่จะให้ไปตอบโต้ด้วย แต่การมาอ้างวัฒนธรรมไทย ต้องอธิบายให้ละเอียด ซึ่งบางข้อก็กำกวมซ้ำซาก
นายเนติวิทย์ กล่าวว่า พลโทนันทเดชอ้างวัฒนธรรมไทย แต่รัชกาลที่ 5 ท่านยกเลิกวัฒนธรรมเก่า เพราะต้องการสร้างวัฒนธรรมให้มีความเป็นมนุษย์ ทุกคนเท่าเทียม ทั้งถามกลับพลโทนันทเดชว่าทำไมไม่พูดถึงเรื่องนี้บ้าง มากล่าวหาว่าตนต้องการทำลายสถาบัน ต้องการปั่นป่วน ตนมองว่าพลโทนันทเดชเองที่เขียนไม่รอบคอบ
ส่วนกรณีที่โซเชียลมีเดียโจมตีนายเนติวิทย์นั้น นายเนติวิทย์กล่าวว่า เสียใจที่คนอ่านหนังสือไม่เกิน 7 บรรทัด เพราะหากคนที่ด่าตนนั้นได้อ่านที่ตนเขียนทั้งหมด ทั้งปีที่แล้วหรือปีนี้เจตนาตนยังคงเหมือนเดิม คือ ต้องการทำตามพระราชประสงค์ของรัชกาลที่ 5 ซึ่งเป็นผู้ปฏิรูปประเทศไทยไปสู่ความเป็นสมัยใหม่ ท่านสั่งเลิกทาส ท่านต้องการเลิกประเพณีแบบเก่าที่ทำให้คนต่ำกว่ากัน ท่านต้องการให้คนเป็นมนุษย์เท่าเทียมกัน นี่คือสิ่งที่ตนเสนอ
ดังนั้น คนที่บอกว่าตนล้มล้างสถาบัน หากตนรู้ว่าบุคคลที่พูดนั้นเป็นใคร ตนก็ไม่สามารถเคารพนับถือคน ๆ นั้นได้เลย เพราะเพียงแค่อ่านหนังสือยังขี้เกียจอ่าน นี่ตนตอบอย่างสุภาพแล้ว
ด้าน
พลโทนันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหนัาศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ กล่าวว่า ปกติการจัดงานถวายบังคมอนุสาวรีย์ 2 รัชกาล มีคนสองกลุ่มคือ กลุ่มคนที่ต้องการจะกราบไหว้ และอีกกลุ่มของเนติวิทย์ที่ต้องการยืนถวายความเคารพ ด้วยการโค้งคำนับ ซึ่งมหาวิทยาลัยให้กลุ่มคนส่วนใหญ่เข้าไปทำพิธีถวายบังคมก่อน แต่ขณะที่ทำพิธี กลุ่มนายเนติวิทย์กลับเดินผ่านเข้าไปเลยเกิดเรื่องขึ้น และต่อมาเรื่องได้กระจายสู่สังคมโซเชียลอย่างแพร่หลาย จนไม่ใช่แค่เรื่องของจุฬาฯ ตนจึงตัดสินใจโพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก
โดย
ข้อแรกคือบ่อนทำลายระบบอาวุโสไทย เราทุกคนเกิดมา พ่อแม่ปู่ย่าตายาย เราก็ไหว้กราบ หรืออย่างในหลวงเวลาเสด็จผ่านเราก็กราบ การกราบของเราไม่มีใครบังคับเป็นการกราบด้วยความเต็มใจ เป็นประเพณีของผู้น้อยที่ให้ความเคารพผู้ใหญ่ เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องสมัครใจ ในเมื่อคุณเนติวิทย์ไม่สมัครใจ ทำไมถึงต้องเดินตัดหน้าพิธีเพื่อก่อเหตุ
ข้อที่สอง นายเนติวิทย์และพวกก่ำกึ่งคล้ายไม่ยอมรับสถาบันกษัตริย์ไทย เนติวิทย์มีพฤติกรรมหลายอย่างที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับบุคคลที่เคลื่อนไหวและหมิ่นสถาบัน ถึงขั้นไปจัดตั้งองค์กรยุวชนสยาม
ข้อที่สาม มีพฤติกรรมซ้ำซาก ตนจำได้ว่ามีอยู่ครั้งหนึ่งที่คนใส่เสื้อเหลืองเต็มถนน เนติวิทย์ ใส่เสื้อแดงออกไป ยังไม่รวมถึงออกมาพูดว่าไม่อยากเคารพธงชาติ ตรงนี้ตนมองว่าเป็นพฤติกรรมที่เป็นคนผิดปกติ นอกจากนี้ยังเป็นความอยากดัง โดยเอาวัฒนธรรมไทยมาเป็นเครื่องมือ ก็คือการที่กระทำการโดยพยายามฝ่าฝืนวัฒนธรรมไทยทุกอย่าง ทั้ง ๆ ที่ประเทศไทยมีวัฒนธรรมที่สวยงาม เป็นที่ชื่นชอบของชาวต่างชาติ
ส่วนกรณีเนติวิทย์ บอกว่ารัชกาลที่ 5 ท่านทรงประกาศให้เลิกทาส เลิกพิธีการเข้าเฝ้าแบบกราบ หรือหมอบคลาน พลโทนันทเดช ชี้แจงว่า สมัยก่อนนั้นจะมีการประชุมนานถึง 3 ชั่วโมง เวลากราบทูลต่าง ๆ ให้กับพระองค์ท่านจะนานมาก พระองค์ทรงสงสาร สมัยรัชกาลพระองค์จึงทรงให้ยกเลิกพิธีนี้ แต่พอหลังจากพิธีแล้ว ทุกคนก็หมอบกราบตามเดิม ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิดปกติ เป็นเรื่องการเคารพของสังคมไทย
ทั้งนี้ เนติวิทย์อาจไม่เข้าใจเรื่องเอกลักษณ์ของสังคมไทย และทุกรัชกาลก็ทำตามมาตลอด สิ่งที่เกิดขึ้นนั้น เนติวิทย์ กำลังทำให้จุฬาเสียชื่อเสียง ถ้าเจ้าตัวยังคิดรักสถาบันอยู่ ก็ควรปฏิบัติตามกรอบประเพณี เพราะคนที่สอบเข้ารัฐศาสตร์ จุฬาฯ ได้ ไม่ใช่เป็นคนที่ไม่มีความคิด ตนเชื่อว่า เนติวิทย์จะต้องคิดได้ในที่สุด