ลูกชายแอบขายบ้าน 1.6 ล้าน ทิ้งแม่ป่วยติดเตียง พ่อป่วยท้าวแสนปมอยู่บ้าน ไม่ยอมย้ายออก บอกขอตายที่นี่ เจ้าของใหม่ไปเจอเห็นแล้วเวทนา แต่ก็ไม่รู้จะสงสารใครก่อนดี ระหว่างตัวเองหรือว่าตายาย
จากกรณีเฟซบุ๊กชื่อ ชานนท์ ผลชู ได้โพสต์ข้อความว่า “พ่อแม่อยู่บ้าน ลูกร้อนเงินเอาบ้านมาแอบขาย ขายบ้านเสร็จลูกหนีหาย ทิ้งพ่อแม่แม่ป่วยติดเตียง พ่อทำงานรับจ้างอยู่กันสองตายายไม่ย้ายออก ขอยอมตายที่นี่ ผมกับน้อง...ซื้อเข้ารีโนเวทดอกเบี้ยเดือนละ 2 หมื่นกว่าจะครบปีละจ่ายดอกไป 2 แสนบาท ก็เห็นใจลุงกับป้าจะสงสารใครก่อนดี การเจรจาครั้งสุดท้าย!!! กับข้อเสนอ "หาบ้านเช่าให้และจ่ายค่าเช่าให้ล่วงหน้า 1 ปี พร้อมช่วยดูแลการขนย้ายให้ฟรี" หากไม่รับเงื่อนไขคงต้อง "รอคำสั่งศาล" เท่านั้นครับ #บ้านมือสองเชียงใหม่” พร้อมกับรูปภาพที่กำลังยืนอยู่หน้าบ้านโดยคนชรายืนอยู่ เมื่อชาวเน็ตได้อ่านเรื่องราวที่เกิดขึ้นทำเอาสงสารผู้ที่เป็นพ่อกับแม่ที่นอนอยู่ในบ้านและป่วยด้วยวัยชรา แห่แชร์เรื่องราวออกไปเป็นจำนวนมาก
ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับนายชานนท์ เจ้าของโพสต์และเป็นเจ้าของบ้านคนใหม่โดยได้เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ตนมีธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยซื้อบ้านมือสองแล้วรีโนเวทขายต่อ แต่บ้านหลังดังกล่าวมีการติดต่อซื้อขายกันตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2566 ซึ่งตอนนั้นที่ไปดูบ้านตนก็ไปเจอลูกชายของเจ้าของบ้านผู้ที่ติดต่อเข้ามาขายและมีการดูบ้านกัน ทีแรกเข้าไปดูภายในก็เห็นมีแม่อายุประมาณ 70 ปี ป่วยติดเตียงนอนอยู่ในบ้านและผู้เป็นพ่อป่วยเป็นเท้าแสนปมอายุก็ราว 70 ปีเหมือนกัน และในบ้านยังเลี้ยงหมาสายพันธุ์ดุ ตนจึงขอออกมาคุยนอกบ้านเนื่องจากตนดูรอบๆ แล้วก็ไม่ได้คิดอะไรมาก จากนั้นจึงตกลงซื้อขายกันภายในราคา 1,600,000 บาท
หลังจากมีการซื้อขายกันเรียบร้อยทางลูกของเจ้าของบ้านก็ได้มีการห้ามสัญญาว่าขออยู่ในการรอขนย้ายและไปบ้านใหม่สองสัปดาห์ จากนั้นตนก็อาจเห็นว่ามีผู้ป่วยจึงให้ระยะเวลาในการขนย้ายและย้ายบ้านกันจนผ่านไปเดือนแล้วเดือนเล่าที่ตนผ่านเข้ามาดู ตนก็เห็นตากับยายอยู่กันสองคนเมื่อติดต่อไป ทางลูกก็ได้คำตอบว่ากำลังจะย้ายขอเวลาถึงสิ้นเดือน จนผ่านมาจะครบรอบหนึ่งปีตนมีการสอบถามมาโดยตลอดและตอนนี้ทางลูกชายก็มีการบล็อกช่องทางการติดต่อทุกอย่าง ทำให้ตนไม่สามารถติดต่อได้ ทิ้งพ่อกับแม่ไว้อยู่ที่บ้านตน ตนเห็นแล้วยังสงสาร ได้เงินไปแล้วทำไมทิ้งพ่อกับแม่ไว้แบบนี้
นายชานนท์ เผยอีกว่าจากนั้นตนจึงได้ประสานไปยังผู้ใหญ่บ้านให้เข้ามาช่วยดูและมีการเจรจา เมื่ออาทิตย์ที่แล้วก็มีการพูดคุยและตกลงกันว่าตนเสนอทางออกให้โดยการหาห้องเช่าใหม่โดยจะจ่ายห้องเช่าให้ล่วงหน้าหนึ่งปี โดยที่ตนเป็นคนจ่ายให้เองทั้งหมด แต่พอถึงเวลาขนย้ายออกจากบ้านตากับยายก็เปลี่ยนคำไม่ยอมออกจากบ้านทำให้ตนก็ลำบากใจ จะใช้กฎหมายก็กลัวจะหาว่าไปรังแกคนแก่ แต่เงินตนก็จ่ายไปแล้ว 1,600,000 บาท และลูกชายก็เอาเงินไปแต่ทิ้งพ่อกับแม่ไว้แบบนี้ ตอนนี้ตนก็ลำบากเหมือนกันเพราะตนต้องรีโนเวทบ้านเพื่อขายต่ออีกที ตอนนี้เงินมาจมอยู่ตรงนี้ก็ 1,600,000 บาทแล้ว ตนอยากให้ลูกชายเข้ามาติดต่อและติดต่อเข้ามาหาเพื่อหาทางออกร่วมกัน ตอนนี้ยังเข้าสู่กระบวนการของกฎหมายแต่ถ้าให้เวลาแล้วยังไม่มาตนก็คงต้องใช้กฎหมายเข้ามาบังคับเพราะตนให้เวลามากกว่าหนึ่งปีแล้ว