ยกฟ้อง รอง ผบ.ตร. - 244 ตำรวจ ขอหมายจับลูกน้อง-ค้นบ้าน บิ๊กโจ๊ก

27 มี.ค. 67

 

ศาลยกฟ้อง รอง ผบ.ตร. - 244 พนักงานสอบสวน ขอหมายจับลูกน้อง-ค้นบ้าน บิ๊กโจ๊กมิชอบ ชี้เหตุผลการสู้คดี ไม่เป็นเหตุนำมาฟ้องกลับ 

วันที่ 27 มี.ค. 67 มีรายงานว่า เมื่อวานนี้ ศาลอาญาคดีทุจริตเเละประพฤติมิชอบกลาง อ่านคำพิพากษาในชั้นตรวจฟ้องคดีที่ อท.244/2566 ที่ พ.ต.อ.เขมรินทร์ พิสมัย เป็นโจทก์ฟ้อง พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. กับชุดพนักงานสอบสวน รวม 244 คน ซึ่งมี พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ อดีต ผบ.ตร. และ พล.ต.อ. ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. รวมอยู่ด้วย 

เป็นจำเลยฐาน ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ, รับรองเป็นหลักฐานซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้น มุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นความเท็จ, พยานหลักฐานอันเป็นเท็จ เพื่อให้พนักงานสอบสวนเชื่อว่าได้มีความผิดอาญาร้ายแรงกว่าที่เป็นความจริง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91,157, 162 (4), 179 , 200 พ.ร.ป. ป.ป.ช. พ.ศ. 2561มาตรา 4, 172 ประเด็นวินิจฉัยเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของจำเลยทั้งหมด 

โดยประเด็นที่ทาง พ.ต.อ.เขมรินทร์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องศาลนั้น เพื่อให้วินิจฉัยเกี่ยวกับการกระทำความผิด ในกรณีที่เข้าจับกุม รวมไปถึงการที่ยื่นคำร้องต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ ขอออกหมายจับโดยปกปิดไม่ระบุอาชีพ ยศ และตำแหน่งรวมไปจำเลยบ้างคนลงลายมือชื่อในคำร้องขอออกหมายจับโดยไม่มีอำนาจ 

รวมถึงประเด็น การยื่นคำร้องต่อศาลอาญา ขอออกหมายค้นบ้านพักของโจทก์กับพวก และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล เป็นเหตุให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ไม่ได้รับเลือกให้เป็น ผบ.ตร. ประเด็นการนำตัวโจทก์ไปฝากขังต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ในเวลาใกล้ปิดทำการ และคัดค้านการปล่อยตัวชั่วคราว 

อีกทั้งประเด็น โจทก์กับพวกยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมกับจำเลยที่ 244 (พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ )เพื่อเปลี่ยนคณะพนักงานสอบสวน แต่กลับเพิกเฉย ต่อมาคณะพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมแก่โจทก์กับพวก โดยไม่มีพยานหลักฐานใหม่ จึงเป็นการแจ้งข้อกล่าวหาที่มิชอบ และปรักปรำโจทก์กับพวก 

โดยในชั้นตรวจฟ้อง ศาลเห็นว่า ที่โจทก์อ้างว่าไม่ปรากฏหลักฐานการกระทำความผิด การแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมไม่ชอบ มีการปรุงแต่งเรื่องราวนำมากล่าวหาโจทก์กับพวก ล้วนแต่เป็นข้อต่อสู้ที่โจทก์ ต้องนำไปพิสูจน์ว่าโจทก์กับพวกมิได้กระทำความผิด มิใช่ข้อที่จะนำมาฟ้องจำเลยกับพวกในคดีนี้ 

สำหรับการยื่นคำร้องต่อศาลขอออกหมายจับและหมายค้นต่างศาลกันเป็นเพราะศาลที่มีอำนาจออกหมายจับ คือศาลที่มีเขตอำนาจชำระคดีหรือศาลที่มีเขตอำนาจเหนือท้องที่ที่จะทำการจับ ส่วนศาลที่มีอำนาจออกหมายค้น คือศาลที่มีเขตอำนาจเหนือท้องที่ที่จะทำการค้น 

ส่วนการยื่นขอออกหมายจับโดยไม่ระบุอาชีพ ยศ และตำแหน่ง ในหมายจับนั้น เห็นว่า ยศของข้าราชการตำรวจ เป็นเพียงการแสดงถึงจำนวนปีที่รับราชการเท่านั้น อีกทั้งฐานความผิดที่ระบุในหมายจับ ก็เป็นฐานความผิดที่ไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาคดีของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ 

กับทั้งการที่ศาลอาญากรุงเทพใต้จะพิจารณาออกหมายจับตามคำร้องของผู้ร้องหรือไม่นั้น จะต้องพิจารณาจากพยานหลักฐานของผู้ร้องที่เสนอมาตามสมควร ซึ่งเป็นสาระสำคัญยิ่งกว่าการระบุยศ ตำแหน่ง หรืออาชีพ ที่มิได้เกี่ยวข้องกับฐานความผิดดังได้วินิจฉัยไว้ข้างต้น 

สำหรับการนำตัวโจทก์กับพวกไปฝากขังต่อศาลในเวลาใกล้ปิดทำการ การคัดค้านการปล่อยตัวชั่วคราว และเหตุอื่นๆ ที่เกี่ยวกับคำร้องขอฝากขังนั้น เมื่อปรากฏว่าโจทก์ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวแล้ว กรณีจึงไม่ใช่เหตุถึงขนาดที่จะฟังว่าจำเลยกับพวกปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้โจทก์ได้รับความเสียหาย 

ส่วนการยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อจำเลยที่ 244 (พล.ต.อ.ต่อศักดิ์) เพื่อเปลี่ยนคณะพนักงานสอบสวนนั้น ทางโจทก์ไม่มีข้อเท็จจริงให้เห็นว่า ได้ดำเนินการหรือไม่ดำเนินการอย่างใดในหน้าที่ อันจะแสดงให้เห็นว่า เป็นการปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ 

ส่วนข้อกล่าวอ้างอื่นๆ ได้แก่ การค้นบ้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์เป็นเหตุให้ไม่ได้รับเลือกให้เป็น ผบ.ตร.ก็ดี การโอนคดีไปอยู่ในความรับผิดชอบของ บช.สอท. ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีสาเหตุโกรธเคืองกับโจทก์ก็ดี ไม่อาจฟังได้ว่าจำเลยกับพวกกระทำความผิดตามฟ้อง ศาลจึงพิพากษายกฟ้อง

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส