ศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาคดีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ชุมนุมปิดล้อมสนามบินดอนเมือง ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 9 เป็นโจทก์ฟ้องกลุ่มแกนนำกับกลุ่มผู้ชุมนุมรวม 67 คน ในความผิดฐาน "ร่วมกันชุมนุมปลุกปั่นยุยงก่อความวุ่นวายในบ้านเมืองฯ"
ช่วงเช้าที่ผ่านมา นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ อดีตโฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และสมาชิกกลุ่มพันธมิตรคนอื่น ๆ ที่ตกเป็นจำเลยในคดีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เดินทางมาที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ในวันนี้เพื่อเข้ารับฟังคำพิพากษากรณีชุมนุมปิดล้อมสนามบินดอนเมืองระหว่างวันที่ 24 พฤศจิกายน – 3 ธันวาคม 2551
ในคดีนี้ถูกแยกดำเนินคดีออกเป็น 2 ชุด โดยชุดแรกที่ศาลตัดสินในวันที่ 17 มกราคม ที่ผ่านมา ศาลได้พิพากษาให้แกนนำประกอบด้วย พลตรีจำลอง ศรีเมือง, สนธิ ลิ้มทองกุล, พิภพ ธงไชย, สมศักดิ์ โกศัยสุข, สุริยะใส กตะศิลา, ศิริชัย ไม้งาม, สำราญ รอดเพชร, มาลีรัตน์ แก้วก่า, สาวิทย์ แก้วหวาน, สันธนะ ประยูรรัตน์, ชนะ ผาสุกสกุล, รัชต์ชยุตม์ หรือ อมรเทพ หรือ อมร ศิริโยธินภักดี หรือ อมร รัตนานนท์ และบริษัท เอเอสทีวีกระทำความผิดฐานบุกรุกและฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษบทหนักสุดคือความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 พิพากษาให้ลงโทษปรับคนละ 20,000 บาท ส่วนข้อหาอื่น พยานและหลักฐานของโจทก์ไม่มีน้ำหนักเพียงพอให้รับฟังได้ว่าจำเลยกระทำความผิด ยกฟ้อง ส่วนจำเลยที่เหลือศาลได้ยกฟ้องทั้งหมด
นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ซึ่งเป็นหนึ่งในจำเลยที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นแกนนำของกลุ่มพันธมิตร เปิดเผยก่อนเข้ารับฟังคำพิพากษาในวันนี้ว่า จากคำตัดสินของชุดแรกก็รู้มีความมั่นใจว่าวันนี้ศาลจะตัดสินยกฟ้องเหมือนชุดแรก เพราะกลุ่มที่ 2 มีจำเลยทั้งหมด 67 คน ถูกเรียกว่าเป็นกลุ่มแนวร่วม ไม่ใช่กลุ่มแกนนำหลัก คาดว่าศาลน่าจะพิจารณาไปในทิศทางเดียวกัน แต่ส่วนคดีทางอาญาก็ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานเฉพาะบุคคล
ขณะที่นายปานเทพ เปิดเผยว่า เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมในชั้นศาล ที่ผ่านมาไม่เคยได้รับอภิสิทธิ์ใด ๆ และมีหลายคนต้องถูกโทษจำคุกไปแล้ว เพียงแต่เรียกร้องให้ทุกคนเท่าเทียมกันในกระบวนการยุติธรรม และชุดนี้เป็นชุดสุดท้ายในคดีของสนามบิน ซึ่งบางส่วนมีการฟ้องร้องกันยังไม่สิ้นสุดยังมีการฟ้องร้องในคดีความแพ่งกับผู้ชุมนุมที่สนามบิน ส่วนคดี เรื่องของท่าอากาศยาน ฟ้องไปแล้วสิ้นสุดไปแล้วยึดทรัพย์บางส่วน แต่คดีนี้รอผลลัพธ์ทางคดีอาญาให้จบสิ้นก่อน ถ้ามีผลเป็นลบต่อทางจำเลยทางเราต้องใช้สิทธิ์อุทธรณ์ และถ้ามีผลเป็นบวกไม่มีใครถูกลงโทษจะต้องรอดูว่าอัยการจะอุทธรณ์หรือไม่ หากอัยการอุทธรณ์ทางเราก็จะยื่นคำร้องแก้อุทธรณ์เช่นเดียวกัน และคาดว่าไม่เกินกลางปีนี้จะรู้ผลทุกอย่าง
ด้านนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรได้เดินทางมาที่ศาลอาญาในวันนี้ด้วย เพื่อเป็นกำลังใจให้กับจำเลยชุดที่ 2 เนื่องจาก นายสนธิเป็นจำเลยในชุดแรก ที่ถูกพิจารณาคดีไปแล้ว โดยการฟังคำพิพากษาวันนี้ ศาลจะอ่านคำพิพากษาเมื่อจำเลยทั้ง 67 คนมาครบจำนวน ส่วนผู้ป่วยสามารถใช้สิทธิ์โดยรายงานตัวผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้