ข้าราชการครูบำนาญเดือดร้อนหนัก จากผู้ประกอบการบ่อดินเถื่อนรุกที่ดิน ขุดดินขายลึกกว่า 40 เมตร ร้องเรียนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหลายปีแต่ผู้ประกอบการยังเดินหน้าขุดต้องร้องสื่อช่วย
นายนุกูล อายุ 70 ปี ข้าราชการครูบำนาญ ชาวตำบลเสวียด อำเภอท่าฉาง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ร้องเรียนผู้สื่อข่าวพร้อมพาไปดูพื้นที่ที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักที่มีบ่อดินเถื่อนลักลอบขุดดินขาย แต่รุกเข้ามาในที่สวนยางพาราของตนเอง ร้องทุกข์แจ้งความไม่มีผล สุดท้ายต้องร้องสื่อ
นายนุกูลเล่าว่า ตนเองก่อนเกษียณอายุราชการ ได้ซื้อที่ดินสวนยางพาราจำนวน 30 กว่าไร่ในพื้นที่ ม.4 ต.เขาถ่าน อ.ท่าฉาง ยึดอาชีพเกษตรกรพร้อมปลูกต้นยางพารา และมีที่ดินแปลงที่ติดกัน ได้ดำเนินการขุดบ่อตักดินลูกรังขาย โดยทำมาอย่างต่อเนื่องหลายปี จนบ่อดินขยายจนเป็นบ่อขนาดใหญ่ และมีความลึกกว่า 40 เมตร ต่อมาผู้ประกอบการได้ขุดดินรุกล้ำเข้ามาในที่ดินสวนยางพาราของตนเอง จนได้หารือพูดคุยกันและมีข้อตกลงกันให้ผู้ประกอบการยุติและให้ถอยออกไป ซึ่งเราก็ตกลงกันดีแต่ต่อมาประมาณ 2-3 ปี ก่อนผู้ประกอบการได้มีละเมิดข้อตกลงดำเนินการขุดดินขายอีก ทำดินพังลงไปในบ่อที่มีความลึกกว่า 40 เมตร โดยมีต้นยางพาราที่มีอายุประมาณ 15 ปี และก่อไผ่ตงที่ตนปลูกไว้พังลงไปด้วย นอกจากนั้นยังมีที่ดิน ที่มีความยาวกว่า 30 เมตร กว้างประมาณ 5 เมตรพร้อมต้นยางพาราจำนวนหนึ่งที่รอการสไลด์พังลงอีก พื้นที่ดังกล่าวเป็นถนนที่ใช้วิ่งเข้าออกในการเอาผลผลิตออกไปสู่ตลาด ซึ่งวันนี้รถยนต์ไม่สามารถวิ่งเข้ามารับน้ำยางได้ เนื่องจากใต้ดินถูกขุดจนเป็นรูโพงจึงไปแจ้งกับ อบต.เขาถ่านให้ดำเนินการพร้อมแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรท่าฉาง แต่เรื่องไม่มีความคืบหน้าจึงไปร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอท่าฉาง และศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสุราษฎร์ธานี ต่อมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจากทางจังหวัดลงมาตรวจสอบ พบว่าบ่อดินไม่ได้มีการขอนุญาตดำเนินการตามกฎหมาย เจ้าหน้าที่จึงสั่งให้ยุติการดำเนินการและสั่งปิดบ่อดินดังกล่าว เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา
ซึ่งคิดว่าเรื่องน่าจะยุติ แต่เมื่อวันที่ 22-25 มีนาคมที่ผ่านมา ปรากฏว่าทางผู้ประกอบการได้นำแบคโฮ พร้อมรถบรรทุก 10 ล้อ เข้ามาดำเนินการตักดินในจุดที่เป็นรอยติดต่อกับที่ดินของตนเอง พร้อมใช้วิธีขุดดินด้านใต้เป็นโพงเข้ามาในที่ดินของตนเอง จึงเดินไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.ท่าฉาง ในช่วงเวลา 9 โมงเช้า แต่ก็ไม่มีตำรวจมาตรวจสอบ ต่อมาในช่วงบ่ายวันเดียวกัน ตนเดินทางไปร้องเรียนต่อนายสุกิจ มีพริ้งนายอำเภอท่าฉาง นายอำเภอใจดีแกก็โทรไปหาสถานีตำรวจบอกให้เจ้าที่เข้าตรวจสอบ แต่กว่าจะเข้ามาก็ใช้เวลานานและในช่วงเวลาดั่งกล่าวเหมือนจะมีการส่งข่าวให้ทางผู้ประกอบการรู้ตัว จึงรีบทำการเคลื่อนย้ายรถบรรทุกดินออกจากพื้นที่ คงเหลือแต่รถแบ็คโฮอยู่ในพื้นที่ ซึ่งตนไม่ทราบว่าทางเจ้าหน้าที่ดำเนินการอย่างไร
วันนี้จำเป็นที่ต้องร้องเรียนผู้สื่อข่าวเพื่อต้องการให้เป็นสื่อกลางในการนำเสนอข้อมูลข้อเท็จจริงตามเอกสารของทางราชการ ที่มีคำสั่งให้ยุติการดำเนินการ แต่ผู้ประกอบการยังฉวยโอกาสขุดดินขายอย่างเนื่องอาจจะมีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวพันรู้เห็นเป็นใจกับผู้ประกอบการ จึงกล้าฝ่าฝืนคำสั่งของจังหวัด วันนี้ผมไม่มีที่ไปแล้วในฐานะประชาชนคนหนึ่งที่ทำมาหากินโดยสุจริตจึงเรียกร้องผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ช่วยขับเคลื่อนผู้ใต้บังคับบัญชาดำเนินการกับบ่อดินเถื่อนให้เด็ดขาดต่อไป