แม่เด็กชายวัย 12 นาที เหยื่อเก๋งกลับรถกะทันหันพุ่งชนจนสมองบวม เรียกร้องคู่กรณีรับผิดชอบ ลั่นขอดำเนินคดีถึงที่สุด ไม่ยอมหากลูกชายเป็นอะไรไป
จากกรณีนางสาวอมรรัตน์ อายุ 41 ปี ขับรถเก๋ง แล้วกลับรถกะทันหัน ทำให้เด็กชายณัฐภัทร อายุ 12 ปี ที่ขี่รถจักรยานยนต์ตามหลังมาชนเข้าอย่างจัง จนร่างกระเด็นลอยตกลงพื้นถนน ได้รับบาดเจ็บสาหัส ศีรษะกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง เหตุเกิดที่บริเวณถนนหน้าสำนักงานเทศบาลตำบลท่าลี่ อ.ท่าลี่ จ.เลย เมื่อวันที่ 29 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งกล้องวงจรของเทศบาลตำบลท่าลี่ สามารถบันทึกภาพไว้ได้อย่างชัดเจน โดยพบว่าหลังเกิดเหตุนางสาวอมรรัตน์ ได้วิ่งออกมาจากรถแล้วเขย่าตัวของเด็กชายณัฐภัทรอุ้มให้ยืนขึ้น แต่ไม่สำเร็จ ก่อนจะตะโกนเรียกให้เจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลท่าลี่ที่อยู่บริเวณนั้นได้เข้ามาช่วยเหลือนำตัวส่งโรงพยาบาลท่าลี่ ส่งต่อโรงพยาบาลเลยและโรงพยาลศูนย์อุดรธานีเนื่องจากอาการสาหัส
ล่าสุดเมื่อทีมข่าวเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 168 หมู่1 บ้านน้ำอ้อม ต.ท่าลี่ อ.ท่าลี่ จ.เลย ซึ่งเป็นบ้านของเด็กชายณัฐภัทร หลังแพทย์อนุญาตให้กลับมาพักรักษาตัวที่บ้านตั้งแต่เมื่อวาน โดยเด็กชายณัฐภัทรยังมีอาการมึนงงบริเวณเบ้าตาซ้ายบวมช้ำ ไม่สามารถไปโรงเรียนได้ บอกว่าก่อนเกิดเหตุกำลังขี่รถกลับบ้านหลังจากที่ไปช่วยแม่วางของขายที่ตลาด เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุมองไม่เห็นว่ามีรถเก๋งกลับรถกะทันหัน หลังจากนั้นก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย ตอนนี้รู้สึกปวดหัวมาก
ด้านนางพรทิพย์ สุวรรณโชติ อายุ 36 ปี แม่ของเด็กชายณัฐภัทร เผยว่าขณะเกิดเหตุ ตนขายเนื้ออยู่ที่ตลาด ลูกชายคนโตโทรมาบอกตนจึงรีบมาดูลูกชายที่โรงพยาบาลท่าลี่ หลังจากนั้นทางโรงพยาบาลส่งลูกรักษาต่อที่โรงพยาบาลเลย และโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี เนื่องจากลูกอาการหนัก สมองบวมอาจจะต้องผ่าตัด กระทั่งวานนี้หมอบอกว่าให้กลับมารักษาดูอาการที่บ้านก่อน เพราะลูกชายอายุยังน้อย ไม่อยากเสี่ยงผ่าตัด โดยนัดอีกครั้งวันที่ 11 กุมภาพันธ์นี้ หากอาการไม่ดีขึ้นอาจจะต้องผ่าตัด
อย่างไรก็ตามอาการของลูกชาย ตอนนี้ยังไม่น่าไว้วางใจเพราะสมองได้รับการกระทบกระเทือนและหลังเกิดเหตุคู่กรณีก็ไม่เคยมาดูแล เพียงแค่เอาเงิน 2,000 บาท มาให้ลูกชายคนโตแต่ตนไม่ให้รับไว้ ส่วนค่าใช้จ่ายทั้งหมดก็มาจาก พ.ร.บ.รถจักรยานยนต์ของตน จึงขอให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมายตนไม่ยินยอมแน่นอนหากลูกชายเป็นอะไรไปมากกว่านี้
ด้าน พ.ต.ท.คงกระพัน วังคำกฤษทรัพย์ พนักงานสอบสวน สภ.ท่าลี่ เจ้าของคดีเผยทางโทรศัพท์ว่าหลังเกิดเหตุก็ได้นำตัวนางสาวอมรรัตน์ มาสอบสวนซึ่งเบื้องต้นยอมรับผิดที่กลับรถไม่ได้ดูรถที่ตามมาข้างหลัง ส่วนการดำเนินคดีต้องรอผลการตรวจรักษาจากแพทย์หลังวันที่ 11 กุมภาพันธ์เสียก่อนจึงจะดำเนินการต่อได้ เบื้องต้นได้แจ้งขอหา ขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ
