คู่หมั้นเปิดใจ เล่านาทีช็อก จับได้คาตาเมียจ้ำจี้พระมหา ลั่นหมดคำจะพูด แม้แต่คำขอโทษยังไม่ได้รับ
จากกรณีร้อน เพจดัง อีซ้อขยี้ข่าว เปิดคลิปสามีช็อก ตามจับชู้ถึงบ้านพักต่างจังหวัด อึ้งพบ ภรรยาซึ่งเป็นอดีตนักการเมือง และเป็นแม่ของนักแสดงรายหนึ่ง ร่วมห้องกับพระหนุ่มที่เพิ่งรับเป็นลูกบุญธรรม ในลักษณะเปลือยกาย
ก่อนจะเปิดอักษรย่อ อดีตนักการเมืองหญิง วัย 45 ปี ป. เคยลงสมัคร ส.ส. สังกัดพรรคหนึ่ง แต่สอบตก และพระมหา ห. วัย 24 ปี ทำเอาโลกออนไลน์ร้อนระอุ ตามหาให้ควั่กว่าเป็นใครกันนั้น
ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 11 เม.ย.67 ที่อาคารมาลีนนท์ คู่หมั้นของนักการเมืองหญิงรายนี้ เปิดใจกับสื่อมวลชนถึงกรณีดังกล่าวว่า ตนเพิ่งมาระแคะระคายถึงความสัมพันธ์ของคู่หมั้นและพระมหาหนุ่มรูปนี้ ได้แค่ประมาณ 1 เดือน ที่ผ่านมาตนและคู่หมั้น ก็ไปทำบุญด้วยกันมาตลอด แต่จะมีอยู่ช่วงหนึ่งที่ตนมาทำงานที่กรุงเทพประมาณ 2-3 สัปดาห์ ซึ่งก็มีการติดต่อกันพูดคุยกันตลอด แต่จะติดต่อค่อนข้างยาก รวมถึงยังมีคนมาบอกตนว่า คู่หมั้นไปที่วัดอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะในเวลากลางคืน บางครั้งก็ไปพูดคุยกันในรถ แต่คู่หมั้นตนไม่ค่อยบอกอะไรตนมาก
ซึ่งโดยปกติคู่หมั้นกับพระมหา ห. รูปนี้ อดีตคู่หมั้นตนจะโทรไปคุยบ่อยครั้งแต่ตนก็เข้าใจเพราะบางครั้งเวลาที่มีปัญหาตนก็คิดว่าอดีตคู่หมั้นอาจจะต้องการคำปรึกษาหรือที่พึ่งทางใจ นอกจากนี้พระมหา ห. รูปนี้ ก็ยังเคยมาที่บ้านหลายครั้ง ทั้งมาสวดมนต์บ้าง มาทำพิธีต่างๆบ้าง จนบางครั้งดึกดื่นเลยจัดห้องไว้สำหรับพระมหา ห. ซึ่งก็เป็นห้องว่างที่บ้านอยู่แล้ว
สำหรับกรณีที่ตนรับพระมหา ห. รูปนี้มาเป็นบุตรบุญธรรม เนื่องจากคู่หมั้นตนมาเล่าให้ฟังว่าพ่อแม่ของพระมหา ห. แยกทางกันอยู่ ทำให้ท่านต้องอยู่คนเดียว ตนเลยเสนอว่างั้นก็รับพระมหา ห. มาเป็นบุตรบุญธรรม แต่คู่หมั้นตนก็ปฏิเสธบอกตนรับไปคนเดียวเนื่องจากเขามีลูกอยู่แล้ว ก่อนจะไปบอกรับเป็นลูกบุญธรรมกันที่หน้าวัดพระธาตุดอยสะเก็ด จากนั้นเวลาจะไปทำบุญ พระมหา ห. รูปนี้ก็จะไปด้วย รวมถึงแนะนำว่าควรไปทำบุญที่วัดไหนอย่างไร
ส่วนวันเกิดเหตุที่ตนตัดสินใจกลับไปบ้าน เพราะตนได้รับข้อมูลมาจากคนสนิท ว่าพระมหา ห. มาที่บ้าน ด้วยความที่ตนสงสัย ตนจึงตัดสินใจขับรถจากกรุงเทพฯ ไปสุโขทัย และภาพก็เป็นตามที่ทุกคนเห็นในคลิป ตนได้ถามกับคู่หมั้นไปว่า “สิ่งที่ทำมันใช่มั้ย มันถูกต้องมั้ย” แต่เขาก็ยืนยันว่าไม่มีอะไร ความรู้สึกตนตอนนั้นมันเลยคำว่าโมโหไปแล้ว
จนถึงตอนนี้คนก็ยังไม่ได้คุย และยังไม่ได้รับคำขอโทษจากฝ่ายหญิง รวมถึงพระมหา ห. อีกทั้งตนยังๆด้ยินมาว่าฝ่ายหญิงยังมาตำหนิตนให้คนอื่นฟังอีกด้วย และตอนนี้สำหรับพระมหา ห. ถือว่าขาดจากการเป็นลูกบุญธรรมไปโดยปริยาย หลังจากนี้ตนคงต้องปรึกษาทนายว่าจะดำเนินการทางกฎหมายอย่างไรได้บ้าง
โดยก่อนหน้านี้คนที่บ้านก็เคยสงสัยถึงความสัมพันธ์ ของคู่หมั้นตนและพระมหา ห. รูปนี้ แต่ตนไม่ได้เชื่อ100% เพราะตนก็กราบไหว้พระรูปนี้ และคู่หมั้นตนก็อยู่ในศีลธรรม ตนเลยไม่เคยคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
ทั้งนี้คู่หมั้นตนมีความเชื่อในเรื่องหมอดูมากๆ แต่ตนไม่ได้เชื่อเรื่องนี้ หลายครั้งที่อดีตคู่หมั้นไปพบหมอดูมาแล้วจะนำมาบอกตนว่าหมอดูทักเรื่องอะไรบ้าง ซึ่งแต่ละครั้งที่ได้ไปพบหมอดูหรือแม่หมอก็จะใช้เวลาค่อนข้างนาน รวมไปถึงครั้งที่ไปหาครูบาที่เชียงใหม่ ท่านก็ทำนายทายทักถึงเรื่องอดีตชาติของคู่หมั้นตน ซึ่งคู่หมั้นตนบอกว่า อดีตชาติเขาเป็นนางห้าม และเจอเนื้อคู่แล้ว ส่วนจะถูกพระหลอกให้เชื่อในเรื่องอดีตชาติหรือไม่นั้น ตนก็ไม่สามารถพูดได้เต็มปาก แต่ฝั่งคู่หมั้นตนไปเชื่อในสิ่งที่พระมหารูปนี้พูด ค่อยๆใส่ความเชื่อและข้อมูลให้คู่หมั้นตน
ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้ว คู่หมั้นตนไปทอดกฐินที่วัดที่พระรูปนี้เป็นเจ้าอาวาสอยู่ ตอนนั้นตนยังไม่รู้จักทั้งคู่หมั้นและพระ จนกระทั่งช่วงปลายปีที่แล้วถึงต้นปีนี้ มีครูบาอาจารย์บอกว่าจะมีพระที่มีอภิญญา มีฌาณจะมาช่วยกอบกู้ ให้ชีวิตดีขึ้น และ 1 ในนั้นก็มีพระรูปนี้ด้วย ตนก็ไม่รู้ว่าไปตามหากันจนเจอได้อย่างไร
หลังจากเกิดเหตุการณ์ตนยอมรับว่าความรู้สึกรัก และห่วงใยที่เคยมีให้ก็ต้องลดน้อยลง ตนเชื่อว่าไม่มีใครรับได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยิ่งผิดในทางศาสนา ยิ่งผิดหนักเข้าไปอีก
“ สิ่งที่ผมเห็นผมเจอ มันเกิดขึ้นได้ยังไง กับทั้งคนที่อยู่ในผ้าเหลือง กับทั้งภรรยาเราที่ทุกคนก็รู้ว่าเป็นอะไร เป็นยังไง มันรับไม่ได้ มันไม่มีอะไรต่อติดแล้ว มันไม่มีทางแล้ว“
สุดท้ายนี้ตนคงไม่มีอะไรจะฝากถึงคู่หมั้น เพราะไม่รู้จะหาคำไหนมาพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ตนคิดว่าตนอดทนอดกลั้นมากกับภาพที่เห็น และตนไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรงใดๆทั้งสิ้น ตนไปวันนั้นเพื่อจะพิสูจน์ว่าสิ่งที่คนมาบอกตนมันเป็นเรื่องจริงหรือไม่