บิ๊กโจ๊ก บุก ปปง. ค้านทำคดีฟอกเงิน เตรียมง้าง ม.157 ฟาดปลดออกราชการมิชอบ

24 เม.ย. 67

 

บิ๊กโจ๊ก บุก ปปง. ค้านทำคดีฟอกเงิน ชี้ทำไม่ถูกต้องตามขั้นตอน เตรียมง้าง ม.157 ฟาดปลดออกราชการมิชอบ จ่อล่า 2 หมื่นชื่อ เชือดกรรมการ ป.ป.ช.บางคน 

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 24 เม.ย. 67 ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผบ.ตร. เดินทางมายื่นหนังสือถึง ปปง. 

โดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมาตนได้ไปยื่นหนังสือต่อ ป.ป.ช. เพื่อให้ดำเนินคดีทั้งหมดกับ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รองผบ.ตร. และคณะสอบพนักงานสอบสวนทั้งหมด ที่ได้มีการดำเนินการสอบสวน โดยไม่มีอำนาจและดำเนินการสอบสวนโดยมิชอบ และช่วงบ่ายก็มายื่นหนังสือที่ ปปง. เพื่อให้ไปดูว่า การที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ และ สน.เตาปูน ส่งข้อเท็จจริงมายัง ปปง. เพื่อดำเนินการคดีฟอกเงินและอายัดทรัพย์ต่างๆ ซึ่งตนทำหนังสือมาส่งถึง ปปง.ว่ากรณีเมื่อต้นไม้เป็นพิษ ผลของมันก็เป็นพิษทั้งหมด 

เพราะฉะนั้นกรณี สน.ทุ่งมหาเมฆ การสอบสวนคดีความผิดที่มีมูลค่าทรัพย์สินเกินกว่า 300 ล้านบาท ตามหลักกฎหมายต้องส่งให้พนักงานสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ เป็นผู้ดำเนินการ ทางตำรวจจะดำเนินการเองไม่ได้ เพราะไม่ได้มีอำนาจเมื่อการสอบสวน ไม่มีอำนาจทำรายงานข้อเท็จจริงทั้งหมดส่งมายัง ปปง. เรื่องความผิดฐานฟอกเงินต่างๆ ก็เป็นข้อเท็จจริงที่ ปปง.ไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ ไม่สามารถไปชี้ว่าใครผิดใครถูกได้ ไม่สามารถไปชี้ว่าใครผิดใครถูกได้ ไม่สามารถดำเนินการยึดอายัดอะไรต่างๆ ได้ ตนจึงมาร้องให้ ปปง.ทราบในวันนี้เท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นวันนี้ก็น่าจะครบทุกส่วนแล้ว 

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า วันนี้มาดำเนินการให้ครบขั้นตอน เพราะว่าคดีนี้มี ทั้ง ป.ป.ช. และ ปปง. เพื่อให้ ปปง.มีข้อมูลครบ และตรงกันว่าการสอบสวนมิชอบ ซึ่ง ปปง.ไม่สามารถเอาไปดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งได้ และในวันพรุ่งนี้ (25 เม.ย. 67) ตนจะไปยื่นที่ คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ และยื่นเรื่องต่อประธานคณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ (ก.ร.ตร.) เพื่อขอให้เพิกถอนคำสั่งที่ให้ตนออกจากราชการ เพราะเป็นการออกคำสั่งโดยมิชอบ วันนี้ตนขอต่อสู้ตามหลักของกฎหมาย  ยืนยันว่ามีหลักฐานเด็ดแน่นอน เพราะจะชี้เห็นชัดเจนว่ามีการออกคำสั่งโดยไม่ชอบอย่างไรบ้าง และออกคำสั่งแบบนี้เตรียมตัวได้เลยว่าผิดกฎหมายมาตรา 157 อะไรก็ตามที่ทำด้วยความเร่งรีบมันผิดหมด 

ในส่วนของกรรมการ ป.ป.ช. บางราย กระบวนการต่อไปก็จะมีการล่ารายชื่อ หากครบ 20,000 รายชื่อ จะส่งให้ประธานสภาฯ ดำเนินการทางกฎหมายต่อไป 

“วันนี้ใครหลอกใครยาก เพราะมีโซเชียลมีเดียช่วยตรวจสอบ การหลอกมันต้องเข้าไปพบ ก็เหมือนกับบางคนไปหลอกนายกฯ ซึ่งเข้าไปพบก็ถึงหลอกได้ ถ้าไม่พบก็หลอกไม่ได้ เรื่องทั้งหมดทั้งมวลที่ผมดำเนินการอยู่ ก็เพื่อความเป็นธรรมจริงๆ แล้วถ้าอยากเป็น ผบ.ตร. ก็บอกผมตรงๆ ก็ได้ เพราะผมจะได้บายให้ ไม่ต้องมาใช้วิธีการแบบนี้ ถ้ามาพูดกับผมตรงๆว่าอยากเป็น ผมจะได้พาไปกราบ พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ อดีตอธิบดีกรมตำรวจ” 

“การสอบสวนทั้งหมดเกิดขึ้นมิชอบ เพราะมีคนอยากเป็น ผบ.ตร. ถ้าอยากเป็นก็มาบอกผมตรงๆ เพราะจะได้พาไปกราบ พล.ต.อ.เผ่า เรื่องนี้คุยได้ไม่เป็นไร เพราะผมนักเลงอยู่แล้ว แต่ไม่ควรใช้วิธีการแบบนี้ แต่เมื่อใช้วิธีการแบบนี้มันจะย้อนกลับที่ไปตัวท่านติดคุกเอง” 

เมื่อถามถึงการออกมาเคลื่อนไหวของทนายตั้มนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ตนยืนยันว่าไม่ได้ติดต่อทนายตั้มเลย วันที่เขาออกมาตอนแรก สังคมยังคิดว่าตนให้เขาออกมา แต่ตนไม่รู้เรื่องแล้ว วันนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไร และการออกมาเคลื่อนไหวของทนายตั้มก็ร้องเรียนให้ตรวจสอบ2คน 

อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า ส่วนที่มีข่าวว่าตนมายื่นเรื่องร้องให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล นั้น ยืนยันว่าไม่มี เพราะตนเป็นนักกีฬาและเป็นนักเลง ตนไม่ไปยุ่งกับใคร เพียงแต่ว่าตนยุ่งกับคนที่มากลั่นแกล้งต้นเท่านั้น ส่วน พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ วันนี้ก็มีกระบวนการตรวจสอบอยู่แล้ว ถ้าตนจะมายืนทำไม 

ดังนั้นวันนี้มาเพื่อปกป้องสิทธิ์ของตนเองแค่นั้นเอง ตนใช้หลักกฏหมายสู้ตามระบบเพราะฉะนั้นวันนี้ในส่วนของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ตนไม่ได้มายื่นที่จะให้ตรวจสอบอะไรเพราะเป็นข่าวลือ มันเป็นข่าวทำให้เกิดความแตกแยกทะเลาะเบาะแว้งต่างๆ แต่วันนี้ไม่มี ยืนยันว่าไม่ได้มายื่นเรื่องพล.ต.อ.ต่อศักดิ์แน่นอน ถ้าหน่วยไหนทำไม่ชอบ ตนก็ต้องต้องดำเนินการ และถ้าออกคำสั่งไม่ชอบตนก็ต้องฟ้องตามกระบวนการ

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส