กัน จอมพลัง ร้องกต.-ทูตเมียนมาช่วย แม่ลูกถูกน้ำกรดสาดจนตาบอด

29 เม.ย. 67

กัน จอมพลัง ร้องกระทรวงต่างประเทศ -ทูตเมียนมา ช่วยจี้ขยายเวลาให้แม่ลูกที่ถูกเมียเก่าบุกใช้น้ำกรดสาดจนตาบอด รักษาตัวและดำเนินคดีผู้ก่อเหตุ

 

ความคืบหน้ากรณี กัน จอมพลัง ได้รับการร้องเรียนจากหญิงอายุ 28 ปี และลูกน้อยวัย 8 เดือน ที่ถูกภรรยาเก่าของสามีบุกทำร้าย ราดน้ำกรดจนทำให้แม่หูหลุด หน้าเหลวผิดรูป แขนใช้ได้ข้างเดียว ส่วนลูกน้อยวัย 8 เดือน ตาบอด 2 ข้าง หน้าและตัวเละเหลวผิดรูป

ล่าสุดวันนี้ (29 เม.ย.67) กัน จอมพลัง เดินทางมาที่กระทรวงต่างประเทศวันนี้เพื่อขอความช่วยเหลือทางคดี โดยได้ประสานไปยัง นายจักรพงษ์ แสงมณี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อขยายเวลาให้ผู้เสียหายอยู่ในประเทศไทยและเพื่อรักษาตัว รวมถึงขอความอนุเคราะห์ในการอำนวยความสะดวก ในเรื่องของเอกสารและหมายจับ ซึ่งตอนนี้เองได้มีการประสานไปยังโรงพยาบาลหนึ่ง ในการรักษาสองแม่ลูกนี้เป็นที่เรียบร้อย แต่จะสามารถรักษาได้แค่บางส่วนเท่านั้น

ส่วนในช่วงบ่ายสามจะเดินสถานทูตเมียนมา เพื่อเร่งให้ตำรวจในพื้นที่เร่งดำเนินการออกหมายจับ จากนั้นจะส่งเรื่องมายัง ตม.โดยเรื่องนี้มีการบูรณาการกันในหลายหน่วยงาน แต่ยอมรับว่าในเรื่องนี้ ขั้นตอนในการดำเนินการในเรื่องของกฎหมายนั้นเยอะและยาก แต่ส่วนตัวก็เชื่อว่ายังมีความหวัง ซึ่งถ้าหากเรื่องไปถึง ตม.เมื่อไหร่ทางพ ล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม.เองก็รับปากว่าจะช่วยเรื่องนี้อย่างเต็มที่

ส่วนด้านผู้เสียหายนางสาวเกตี ชาวเมียนมา อายุ 27 ปี เล่าว่าวันที่ 19 ตุลาคม 2566 เวลา 18.00 น. ขณะกำลังอาบน้ำให้ลูกสาวน้องกอหญ้า ซึ่งในขณะนั้น อายุ 2 เดือน โดยเหตุเกิดในเมืองพญาตองชู (บริเวณเจดีย์บริเวณด่านเจดีย์สามองค์ฝั่ง เมียนมา) ในส่วนของสามีนอนอยู่ในห้องนอน โดยมีนางซอน 35 ปี ซึ่งเป็น ภรรยาเก่าของสามี เดินมาจากบริเวณด้านบ้านหลังจากนั้นก็นำน้ำกรดมาราดใส่บริเวณศีรษะของตน เมื่อทางนางซอนเห็นว่าตนอุ้มลูกอยู่ก็นำน้ำกดนั้นมาสาดใส่น้องกอหญ้าวัย 2 เดือน

ขณะเดียวกันตนได้บอกกับสามีขอเลิกลา เนื่องจากส่วนพฤติกรรมที่สามีเจ้าชู้ไม่ไหว โดยทางสามีเองก็พยายามจะง้อ โดยการเข้ามากอด แต่ตนได้ผลักออก เนื่องจากขยะแขยง ซึ่งตนเตรียมการว่าจะหนีออกจากบ้านหลังดังกล่าวตอน 4 ทุ่ม แต่มาเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นก่อน ซึ่งตนก็ไม่มั่นใจว่า สามีมีส่วนรู้เห็นหรือเป็นคนชี้เป้าให้ภรรยาเก่ามาก่อเหตุหรือไม่

ตอนนี้ความหวังที่ตนหวังอยู่ ก็คือต้องการให้ผู้ก่อเหตุได้รับโทษตามกฎหมาย และอยากได้รับการรักษ าโดยเธอหวังว่าแขนของเธอจะกลับมาใช้ได้อีกครั้ง เพื่อที่จะใช้แขนข้างนี้ในการดูแลลูกน้อย และในช่วงท้ายนางเกติ ได้พูดเปิดใจพร้อมน้ำตาว่า ตนจะไม่ทิ้งลูกเหมือนที่สามีของตนเคยทิ้งลูกไป และยังได้ฝากไปถึงผู้ที่ก่อเหตุว่าทำไมไม่ทำตนเพียงคนเดียว ทำไมถึงต้องทำร้ายลูกของตนด้วย เพราะเด็กไม่ได้เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ด้วย.

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส