ทนายเผย บุ้ง ทะลุวังตายก่อนถึง รพ.ธรรมศาสตร์ ใบมรณบัตรชี้ หัวใจล้มเหลว จี้ กรมราชทัณฑ์เปิดเผยข้อมูล 5 วันก่อนเสียชีวิต
วันที่ 16 พ.ค. 67 ที่วัดสุทธาโภชน์ ลาดกระบัง กทม. นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน กล่าวถึงกรณีการเสียชีวิตของ น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือ บุ้ง ทะลุวัง ภายหลังจากญาติร้องขอให้ทีมแพทย์ผ่าชันสูตรพลิกศพ น.ส.เนติพรนั้นว่า
เมื่อวานนี้ทางแพทย์ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ได้ดำเนินการผ่าชันสูตรพลิกศพ น.ส.เนติพรแล้ว สาเหตุที่ต้องทำ เพราะเสียชีวิตในการควบคุมตัวของเจ้าพนักงานนั่นคือ กรมราชทัณฑ์ ซึ่งตามกฎหมายก็จะต้องมีการดำเนินการผ่าศพพิสูจน์ ซึ่งตอนนี้ได้ส่งเนื้อเยื่อ เลือด และสารคัดหลั่งไปแล้วที่ห้องแล็บของผู้เชี่ยวชาญ ตอนนี้ยังไม่ทราบผล
แต่ทั้งนี้ทาง รพ.ธรรมศาสตร์ฯ จำเป็นต้องออกใบรับรองการเสียชีวิต และใบแจ้งสาเหตุการเสียชีวิตคร่าวๆ เหตุผลที่ไม่ได้ยังมีอยู่ 2-3 เรื่องแต่ที่สำคัญที่สุดคือ ปัจจุบันทาง กรมราชทัณฑ์ โดยโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ยังไม่ได้ส่งรายงานการรักษาพยาบาลของ น.ส.เนติพร ซึ่งเราขอเพียงแค่ 5 วันสุดท้าย จนกระทั่งถึงวันที่เสียชีวิต คือวันที่ 14 พ.ค. 67 ว่ามีการรักษาพยาบาลอย่างไร มีอาการเป็นอย่างไร และขอภาพกล้องวงจรปิดในสถานที่ที่ น.ส.เนติพรพักอยู่ว่ามีการช่วยเหลือกันอย่างไร ซึ่งทุกอย่างทาง กรมราชทัณฑ์ ยังไม่ส่งให้ ทั้งที่ความจริงแล้ว รมว.ยุติธรรมรับปากกับญาติผู้เสียชีวิตแล้วว่าจะให้ความร่วมมือทุกอย่าง เพราะเป็นเอกสารที่ต้องมีอยู่ในสถานพยาบาลอยู่แล้ว และทุกอย่างต้องทำตามความเป็นจริงที่เขาจดรายละเอียดไว้ในตอนนั้น
นายกฤษฎางค์ กล่าวต่อว่า แต่ปัจจุบันจนถึง ณ นาทีนี้ ยังไม่ได้รับรายละเอียดดังกล่าว ซึ่งเหตุใดจึงยังไม่ให้ หรือว่ามีใครต้องรับผิดชอบ หรือว่าเป็นการประมาทเลินเล่อ ซึ่งก็ยังติดใจสาเหตุการเสียชีวิต ตอนนี้ข้อมูลที่ตนได้จากโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ที่ออกหนังสือรับรอง การเสียชีวิตเพื่อให้ญาตินำเอกสารต่างๆ เหล่านี้ไปออกใบมรณบัตร เพื่อนำศพออกมาจาก รพ.ธรรมศาสตร์ฯ ประกอบพิธีทางศาสนาเรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้รพ.ธรรมศาสตร์ฯ แจ้งสาเหตุเสียชีวิตของ น.ส.เนติพร คือ 1.มีภาวะหัวใจล้มเหลวโดยเฉียบพลัน 2.เกิดภาวะสมดุลเกลือแร่ผิดปกติ 3.หัวใจโต แต่ทั้งหมดนี้ทางโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ให้ความเห็นว่า ในส่วนที่แน่ชัดอยู่ระหว่างการรอผลชันสูตรจากห้องแล็บที่นำชิ้นเนื้อ เลือด และสารคัดหลั่งไปตรวจว่ามีสารพิษ หรือมียา หรือมีการรักษาพยาบาลอะไรมาก่อนหน้านี้หรือไม่
นายกฤษฎางค์ กล่าวอีกว่า สิ่งที่เราอยากรู้ คือการเสียชีวิตของ น.ส.เนติพรเกิดจากสาเหตุอะไร เช่นมีอะไรเข้าไปแทรกแซงในกระบวนการของร่างกายตามปกติหรือไม่ หรือเกิดจากการรักษาพยาบาลที่ไม่เป็นมาตรฐานหรือไม่ หรือการประมาทเลินเล่อของผู้ใดผู้หนึ่ง ซึ่งเราได้รับเอกสารจากรพ.ธรรมศาสตร์ฯ ที่ให้ความร่วมมือ ซึ่งเราขอเอกสารการเสียชีวิตของ น.ส.เนติพร 2 ส่วน คือจากกรมราชทัณฑ์และ รพ.ธรรมศาสตร์ฯ เอกสารเหล่านี้จะเป็นส่วนสำคัญในการเป็นเช็กจิ๊กซอว์เชื่อมต่อ แต่เรายังได้รับเอกสารจากกรมราชทัณฑ์ ขอฝากสื่อมวลชนว่ากรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ผิดคำพูดที่บอกว่าจะอำนวยความยุติธรรมโดยให้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการเสียชีวิตของ น.ส.เนติพร อีกทั้งวันนี้ยังผิดคำสั่งของนายกรัฐมนตรีด้วย
ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (17 พ.ค. 67) ในส่วนของทนายความยืนยันว่าจะไปขอเอกสารภาพกล้องวงจรปิดอีกครั้งหนึ่งว่า ทำไมกรมราชทัณฑ์ถึงให้ไม่ได้ ซึ่งขอฝากไปถึง รมว.ยุติธรรมว่า ลูกน้องของท่านไม่ได้ทำตามสิ่งที่รับปากไว้ ดังนั้นสิ่งที่เกิดกับ น.ส.เนติพรก็ยังเป็นสิ่งที่ทนายความ และคนที่รัก น.ส.เนติพรยังสงสัยอยู่ อย่าทำให้เรื่องมันเกินไปกว่านี้
ตนมีข้อสังเกตจากเอกสารของรพ.ธรรมศาสตร์ฯ แจ้งให้ทราบว่า ตอนที่ น.ส.เนติพรมาถึงรพ.ธรรมศาสตร์ฯ เวลา 09.00 น. กว่าของวันที่ 14 พ.ค. ที่ผ่านมา ตอนนั้นไม่มีสัญญาณชีพใดๆ แล้ว ซึ่งเราขอเอกสารการรักษาพยาบาลในขณะที่เกิดเหตุ และขั้นตอนการทำTC สแกน หรือการปั๊มหัวใจในห้องอื่นๆ รวมทั้งการจัดเตรียมเจ้าหน้าที่ที่ขึ้นรถพยาบาลมาที่รพ.ธรรมศาสตร์ฯ ก็ยังไม่ได้รับ
ส่วนผลการผ่าชันสูตรนั้นเรายังไม่รู้ผลว่าในร่างกายของ น.ส.เนติพร มีสารพิษหรือไม่มี การให้ยาใดๆ จากโรงพยาบาลราชทัณฑ์ที่เป็นอันตรายต่อชีวิต หรือมีการรักษาพยาบาลที่ผิดไปจากมาตรฐานทางวิชาชีพแพทย์หรือไม่ ดังนั้นตนยังไม่ขอสรุปตรงนี้ว่าใครผิด และตายด้วยสาเหตุใด แต่ยืนยันว่าในกระเพาะอาหารจากการผ่าไม่มีอาหารอยู่ ส่วนค่าสารพิษในร่างกายไม่พบ เพราะยังต้องส่งไปตรวจในห้องแล็บ และตอนนี้ยังไม่ได้ผล ซึ่งตนกำลังเร่งรัดอยู่ แต่ที่ยืนยันได้คือ น.ส.เนติพรเสียชีวิตแล้วเมื่อมาถึงรพ.ธรรมศาสตร์ฯ การช่วยเหลือก็เพียงแต่เพื่อหวังปาฏิหาริย์ที่จะเกิดขึ้น และเอกสารที่ตนดูและให้แพทย์ที่เป็นอิสระที่อยู่ภายนอกช่วยดูนั้น จากข้อมูลแปลว่าการรักษาพยาบาลระหว่างทางจากโรงพยาบาลราชทัณฑ์มายังรพ.ธรรมศาสตร์ฯ เป็นการรักษาที่ผิดพลาด และยังเป็นประเด็นที่ตั้งข้อสังเกตอีกอันหนึ่งว่ามีหลักฐานบางประเด็นที่น่าเชื่อได้ว่ากรมราชทัณฑ์ก็ทราบอยู่แล้วว่าน้องเสียชีวิตแล้ว ตอนที่ยังอยู่ที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ แต่ตนยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด
นายกฤษฎางค์ กล่าวอีกว่า ส่วน น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์นั้น ตนได้คุยกับ น.ส.ทานตะวันไม่มากนัก เพราะน้องอยู่ในสภาวะที่จิตใจเสียหายพอสมควร แต่ตนได้ข้อมูลจาก น.ส.ทานตะวันเยอะ จากการที่พอเรารู้ประเด็นก็ต้องถามเด็ก ซึ่งไม่สอดคล้องกับที่กรมราชทัณฑ์แถลง แต่ไม่สอดคล้องอย่างไรนั้นยังไม่ขอตอบ ส่วนเหตุผลที่ทางโรงพยาบาลราชทัณฑ์ย้ายตัว น.ส.ทานตะวันมาที่ รพ.ธรรมศาสตร์ฯ ก็เป็นการย้ายเอง ไม่ได้มาจากคำร้องขอของทนายความหรือแม้แต่ครอบครัวอย่างใด ซึ่งตรงนี้ก็เป็นที่น่าสังเกตอย่างมาก