จตุพร ชี้ การตายของ บุ้ง ทะลุวัง เป็นโศกนาฏกรรมที่ไม่ควรเกิดขึ้น หวังเป็นสิ่งจุดประกายปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม นายกฯ -รบ.ต้องรับผิดชอบสอบสวนหาความจริง
วันที่ 19 พ.ค. นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตประธาน นปช.ให้สัมภาษณ์ภายหลังร่วมงานฌาปนกิจ ถึงกรณีการเสียชีวิต ของ น.ส. เนติพร สวนเสน่ห์ หรือ บุ้งทะลุวัง ว่า เสียชีวิตครั้งนี้ถือเป็นโศกนาฏกรรม ที่ไม่ควรเกิดขึ้น เพราะสิ่งที่เขาเรียกร้องไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เป็นเรื่องของการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและให้เป็นที่พึ่งหวังของพี่น้องประชาชน การเสียชีวิตในครั้งนี้คงจะไม่ใช่การกระทำที่สูญเปล่า แต่จะมีคุณูปการต่อประเทศในวันข้างหน้า โดยหวังว่าข้อเรียกร้องของบุ้ง จะสัมฤทธิ์ในวันข้างหน้า เพราะเขาเป็นผู้จุดประกาย ให้เกิดความหวังในการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมในทุกองค์กร
ส่วนสิ่งที่เริ่มทำตั้งแต่ตอนนี้หลังเกิดการสูญเสียขึ้นนั้น ต้องยอมรับความเป็นจริงว่าตั้งแต่ชั้นพนักงานสอบสวน ตำรวจพังพินาศย่อยยับจะเป็นที่พึ่งให้กับประชาชนได้อย่างไร โดยต้องมีการปฏิรูป ขณะที่อัยการมีการปฏิรูปไปบ้างแล้วแต่ยังมีปัญหาอยู่ ขณะที่ศาลมีการปฏิรูปไปไกล ส่วน ทางกรมราชทัณฑ์ กรมคุ้มครองความประพฤติไม่ได้ทำหน้าที่ที่ควรจะทำ เช่นการดูแลนักโทษเด็ดขาดกับคนที่ไม่ใช่มีสภาพเป็นขังหญิง แต่การอำนวยความยุติธรรมแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว และความยุติธรรมนั้นมีมากขึ้นเท่าไหร่ ความไม่สงบสุขก็จะมีมากขึ้นเท่านั้น
สำหรับการเสียชีวิตของบุ้ง น.ส. เนติพร ต้องมีคนรับรับผิดชอบเรื่องนี้หรือไม่นั้น การเสียชีวิตเกิดขึ้นระหว่างที่อยู่ในการดูแลของทางกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม และรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ฉะนั้นทุกเรื่องราวเป็นความรับผิดชอบตั้งแต่นายกรัฐมนตรีลงมา ที่ควรจะแสดงออกเรื่องความรับผิดชอบมากกว่าการแสดงคำว่าเสียใจ เพราะมีหน้าที่ต้องสอบสวนอย่างตรงไปตรงมา เพื่อป้องกันการเกิดเหตุในอนาคตและต้องไม่ใช่ความตายที่ไม่มีการรับผิดชอบ และไม่ได้ไม่ได้รับความยุติธรรม ฉะนั้นกรณีนี้รัฐบาลต้องสอบสวนอย่างตรงไปตรงมาและให้ความเป็นธรรมซึ่งจะเป็นบรรทัดฐานในวันข้างหน้า
เมื่อถามว่าเหตุการณ์ดังกล่าวนี้จะสามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้หรือไม่นั้น นายจตุพร ระบุว่า ทุกเรื่องราวสำคัญคือผู้ที่จุดประกาย ซึ่งกรณีบุ้ง แลกมาการสูญเสียและกรณีนี้ก็นำชีวิตเข้าแลก ซึ่งถือเป็นเรื่องความสูญเสีย ซึ่งนำพาไปสู่การเรียกร้องเรื่องการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม วันนี้หลายเรื่องเราเห็นปัญหา ซึ่งเป็นสิ่งที่คนไทยรับรู้ แต่ขาดอย่างเดียวคือการลงมือทำ
ส่วนมีความห่วงใยสำหรับผู้ที่ยังถูกคุมขัง หรือห่วงว่ามีเหตุการณ์ในลักษณะนี้เกิดขึ้นซ้ำรอยอีกหรือไม่นั้น นายจตุพร ระบุว่า ความจริงรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ถ้ามีจิตใจที่ใหญ่เพียงพอ ควรจะมีการตราเป็นพระราชกำหนดนิรโทษกรรมปล่อยผู้ต้องขังที่มีแนวความคิดทางการเมืองทุกคน ซึ่งเวลานี้มีอยู่ทุกฟากฝ่าย หลายคนกระบวนการอยู่ในชั้นศาล และหลายคนถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ
ฉะนั้นตนมองว่าทุกคดีความควรได้รับการนิรโทษกรรมและปลดปล่อยบุคคลเหล่านั้น ขนาดโทษที่สูงกว่า เช่น การก่อกบฏ การก่อการร้าย ยังจะได้รับการนิรโทษกรรมกันได้ ทั้งเราเห็นกันอยู่แล้วว่านักการเมืองทุจริตคอรัปชั่นยังได้รับการดูแลเหนือกว่าผู้ต้องหาที่ยังไม่ได้เป็นนักโทษทางความคิด มองว่ามาตรฐานเป็นคนละเรื่องกัน ดังนั้นหากเรามีผู้นำที่มีจิตใจยิ่งใหญ่และสามารถปลดปล่อยทุกคนออกมาได้นั่นจะเป็นวันที่ เริ่มต้นนับหนึ่งประเทศไทย.