ทนายเดชา เชื่อเหตุลอบยิงเสี่ยต้น เชื่อมโยงกับคดีการเสียชีวิตปริศนาที่ จ.มหาสารคาม และชนวนเหตุมาจากปัญหาครอบครัว
จากกรณีน้องสาวนำหลักฐานเข้าร้องขอความช่วยเหลือกับนายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือ ทนายเดชา เกี่ยวกับกรณีการเสียชีวิตของพี่ชาย คือ นายพิชิต กลีบจินดา หรือ เสี่ยต้น อายุ 44 ปี เจ้าของธุรกิจสอนสปาและนวดแผนไทย ที่จังหวัดมหาสารคาม เมื่อวันที่ 16 เมษายนที่ผ่านมา โดยสงสัยว่าถูกวางยาพิษ และก่อนหน้านี้เคยถูกลอบยิงกลางกรุง แต่รอดมาได้
ล่าสุดวันนี้ (29 พ.ค.67) ทนายเดชา ทนายความของครอบครัวเสี่ยต้น บอกถึงการประสานความคืบหน้าทางคดีว่า ตอนนี้ทางคดีมีความคืบหน้าไปมาก ทั้งผู้ก่อเหตุและผู้จ้างวาน ซึ่งครอบครัวเสี่ยต้น ก็เชื่อว่า ตำรวจมีข้อมูลทั้งหมดแล้ว ว่าใครเป็นคนยิง ใครนัดแนะและจ้างวาน ใครจ่ายเงินให้ใคร เพราะลักษณะการก่อเหตุทำเป็นขบวนการ มีการวางแผนเป็นขั้นเป็นตอน พร้อมกับเฝ้าสะกดรอย ก่อนจะลงมือก่อเหตุและจ่ายเงินค่าจ้าง
ขณะที่จากข้อมูลทางลับ ทนายเดชา บอกว่า เมื่อคืนวันที่ 8 เมษายน คนร้ายมีการวางแผนจะก่อเหตุฆ่า “ เสี่ยต้น ” ที่จุดอื่นก่อนแล้ว แต่ไม่สำเร็จ จึงนัดแนะให้มาที่ร้านโรงเหล้าแสงจันทร์อีกครั้ง แล้วก็ลงมือก่อเหตุหลังออกจากร้านนี้
ส่วนความเชื่อมโยงระหว่างคดีลอบยิงที่ สน.วังทองหลาง กับคดีการเสียชีวิตปริศนาที่ สภ.ยางสีสุราช จังหวัดมหาสารคาม ทนายเดชา มองว่า มีบุคคลที่เชื่อมโยงกันแน่นอน ซึ่งตำรวจอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน
สำหรับแนวทางการสืบสวนของตำรวจที่ตัดประเด็นความขัดแย้งทางธุรกิจและเรื่องมีปัญหาทะเลาะกับคนอื่นทิ้ง ทนายเดชา ก็มองคล้ายกัน ทั้งยังเชื่อว่าเกิดจากปัญหาความขัดแย้งในครอบครัวที่สะสมมานาน ทำให้เกิดความเจ็บช้ำน้ำใจ และอาจมีเรื่องเงิน เรื่องหนี้สิน จนมาถึงจุดหนึ่งที่ตัดสินใจวางแผนก่อเหตุ
ทั้งนี้ตามขั้นตอน หากตำรวจจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้แล้ว ทั้งมือปืน คนขี่รถ คนชี้เป้า และคนจ้างวาน ก็จะมีการสรุปสำนวนส่งฟ้อง ซึ่งทางครอบครัวก็จะยื่นคำร้องขอเป็นโจทก์ร่วม ตามมาตรา 44/1 เพื่อเรียกค่าเสียหายไปในคราวเดียวกันได้เลย โดยไม่ต้องมีการแยกฟ้องเเพ่งเพื่อเรียกค่าเสียหาย.
Advertisement