หลักฐานชัด เมียเสี่ยต้น จ้างวานลอบยิงผัว ตร.ออกหมายจับ 4 ราย สอบเข้มมีใครเอี่ยวเพิ่มอีก เร่งขยายผลเชื่อมโยงการตายปริศนาที่มหาสารคามหรือไม่
จากกรณี น.ส.ณัฐปภัษร์ ธนภัคนันท์หิรัญ หรือ เจ น้องสาวของนาย พิชิต กลีบจินดา หรือ เสี่ยต้น อายุ 44 ปี เจ้าของธุรกิจสอนสปาและนวดแผนไทย เข้าร้องเรียน ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ภายหลังสงสัยว่าพี่ชายที่เสียชีวิต เมื่อกลางเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา อาจถูกฆาตกรรม เพราะมีเงื่อนงำ
เนื่องจากพบว่า เสี่ยต้น ถูกคนร้ายประกบยิงพื้นที่ สน.วังทองหลาง เมื่อวันที่ 8 เม.ย. ที่ผ่านมา ก่อนไปเสียชีวิตปริศนาที่บ้านพักใน จ.มหาสารคาม โดยสภาพศพดำคล้ำผิดปกติ เหมือนถูกวางยาพิษ จึงได้เดินหน้าร้อง ขอให้ตำรวจรื้อฟื้นคดีการเสียชีวิตของพี่ชาย และขอให้เร่งหาตัวคนร้ายที่ขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบยิงรถตู้ของพี่ชาย
จนล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจ จับกุม น.ส.วรรณิภา หะมาลา หรือ มด ภรรยาเสี่ยต้น และนายสาโรจน์ เสือสุวรรณ อายุ 25 ปี ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้
ต่อมาวันที่ 3 มิ.ย. 67 พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ให้สัมภาษณ์ว่า ในวันนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการสืบสวนขยายผล กรณีสั่งให้มีการลอบยิง เมื่อวันที่ 8 เม.ย. ที่ผ่านมา เกี่ยวเนื่องและมีหลักฐานส่วนหนึ่งเชื่อมโยงไปเหตุการเสียชีวิตของ เสี่ยต้น ที่จ.มหาสารคามหรือไม่
โดยในส่วนนี้ ผลการรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด พนักงานสอบสวนได้ขอหมายจับของศาลอาญา เมื่อวานนี้ 4 ราย ประกอบด้วย น.ส.วรรณิภา ภรรยาเสี่ยต้นและผู้ใช้จ้างวาน นายสาโรจน์ ผู้จัดหาอาวุธปืนและยานพาหนะ และนายวีรภัทร ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ส่วนนายณัฐพล ผู้ทำหน้าที่เป็นมือปืนนั้น อยู่ในระหว่างการติดตามตัวมาดำเนินคดี เบื้องต้นทราบเบาะแสว่า ออกนอกพื้นที่ กทม.ไปอยู่แถบภาคตะวันออกแล้ว
พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวต่อว่า ซึ่งในช่วงบ่ายวันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 รายที่จับกุมได้ เข้ามายัง บก.สส.บช.น. เพื่อจะดำเนินการสอบปากคำอย่างละเอียด โดยมี พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผบ.ตร. ในฐานะผู้รับผิดชอบคดี และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล มาร่วมสอบปากคำในครั้งนี้
เบื้องต้นคนขี่รถจักรยานยนต์ กับตัวผู้ร่วมให้การเป็นประโยชน์ และรับสารภาพว่าอยู่ร่วมจริง ได้รับเงินค่าจ้างจริง แต่ส่วนตัวภรรยายังให้การภาคเสธอยู่ เบื้องต้นมีเหตุเรื่องความโกรธขัดแย้ง แต่รายละเอียดขอทำการสอบสวนให้เสร็จสิ้นก่อน
สำหรับค่าจ้างเบื้องต้นมีการโอนให้มือปืนยอดเงิน 45,000 บาท โดยนายสาโรจน์โอนรอบแรกประมาณ 33,000 บาท หลังจากนั้นก็มีการมอบเป็นเงินสดส่วนหนึ่ง ยอดรวมเข้ามือปืนประมาณ 300,000 กว่าบาท โดยพบว่าภรรยาของ เสี่ยต้นเริ่มต้นวางแผน หลังจากมีปัญหาและมีปากเสียงกันตั้งแต่เดือน มี.ค. โดยมือปืนเริ่มรับงานช่วงปลายเดือน มี.ค. และลงพื้นที่ กทม.ในวันที่ 1 เม.ย. นัดพบกับตัวผู้ใช้จ้างวานมาคุยกันเรียบร้อย และชี้เป้า ติดตามเป้านับตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. เป็นต้นมา และก่อเหตุวันที่ 8 เม.ย.
เมื่อถามว่า จากพยานหลักฐานพบว่านางมด ซึ่งเป็นภรรยาได้ชี้เป้าพิกัดของสามี ตลอดเวลาใช่หรือไม่ พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวว่า ในส่วนการแจ้งพิกัดยืนยันว่าตัวผู้ใช้จ้างวานแจ้งวันนัดหมายกับมือปืน และส่งข้อมูลให้กับมือปืน มีการนัดเป้าที่ร้านเหล้าแห่งหนึ่งจากผู้ใช้จ้างวานจริง ดังนั้นพยานหลักฐานทั้งหมดยืนยันว่า ณ วันนี้เรารวบรวม และศาลออกหมายจับเรียบร้อยแล้ว มีหลักฐานเพียงพอในการดำเนินคดีกับผู้ต้องหา และอยู่ระหว่างการสอบสวนขยายผลอยู่ในตอนนี้ อย่างไรก็ตามอยู่ระหว่างการสอบสวนขยายผลว่ากลุ่มดังกล่าวรู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่ ส่วนมูลเหตุจูงใจมี 2 ส่วนคือ เรื่องปมความขัดแย้งภายในครอบครัว และถ้าผู้ตายเสียชีวิต ประโยชน์ก็จะตกอยู่กับผู้ใช้จ้างวาน
พร้อมกันนี้มีหลักฐานว่าผู้ใช้จ้างวานพยายามค้นหากลุ่มมือปืนผ่านแอปพลิเคชั่นกูเกิล สาเหตุเป็นเรื่องหึงหวงซึ่งกันและกัน ทำร้ายร่างกายกัน ทะเลาะกัน เป็นเรื่องภายในครอบครัวตามที่เขาให้การ
เมื่อถามว่า การเสียชีวิตที่ จ.มหาสารคาม ไม่ใช่การเสียชีวิตแบบธรรมดาปกติใช่หรือไม่ พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวว่า เบื้องต้นจากการสืบสวนสอบสวนที่บอกว่าเกี่ยวโยงกันเนื่องจากผู้ตายไม่ได้ถูกยิงเสียชีวิตที่พื้นที่เขตวังทองหลาง แต่มีการนัดหมายเพื่อดึงตัวผู้ตายไปที่ จ.มหาสารคาม ดังนั้นฝ่ายสืบสวนสอบสวนของภาค4 กำลังดำเนินการขยายผลว่า เหตุการตายมาจากอะไร แบบไหนจึงต้องรอสืบสวนให้เสร็จสิ้นก่อน
เมื่อถามว่า จากพยานหลักฐานดังกล่าวอาจจะมีคนในครอบครัวของภรรยาเกี่ยวข้องเพิ่มเติมด้วยหรือไม่นั้น พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวว่า ตนยืนยันว่าเราสอบสวนถึงผู้ใดหากหลักฐานพยานหลักฐานไปพาดพิงเชื่อมโยงกับใครก็จะออกหมายจับดำเนินคดีทั้งหมด ส่วนมือปืนนั้นเบื้องต้นพบว่า เขามีประวัติการกระทำผิดอื่นอยู่ด้วย
