หลวงพ่อ-แม่เสี่ยต้น แถลงพร้อมน้ำตา น้องสาวอ้างจุดแตกหัก ต่างคนต่างมีกิ๊ก

3 มิ.ย. 67

หลวงพ่อ-แม่เสี่ยต้น แถลงพร้อมน้ำตา น้องสาวแฉปมเหตุสั่งลอบยิง อ้างจุดแตกหักต่างคนต่างมีกิ๊ก เดินหน้าคัดค้านประกันตัวพี่สะใภ้ 

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 3 มิ.ย. 67 ที่สำนักงานทนายเดชาทนายคลายทุกข์ ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ แถลงถึงกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม น.ส.วรรณิภา หรือ มด ภรรยาของ นาย พิชิต กลีบจินดา หรือ เสี่ยต้น อายุ 44 ปี เจ้าของธุรกิจสอนสปาและนวดแผนไทย พร้อมพวกในข้อหา ลอบยิง เสี่ยต้นว่า 

จากหลักฐานพยานที่ตำรวจมี และทางญาติมี ซึ่งทุกคนนำไปมอบให้กับพนักงานสอบสวนก็เป็นพยานหลักฐานชุดเดียวกัน และหลังจากนั้นทางพนักงานสอบสวนก็ใช้เป็นสารตั้งต้นในการต่อยอด จนสามารถจับคนร้ายได้ในวันนี้ทั้ง 3 คน เนื่องจากคดีนี้มีการทำเป็นขบวนการ และแบ่งหน้าที่กันทำ 

ครอบครัวเสี่ยต้น

มันก็ต้องเริ่มต้นจากผู้ว่าการใช้ คือภรรยาของผู้ตาย ซึ่งมีเส้นทางเงินที่ยืนยันว่ามีการจ้างวางฆ่า นอกจากนั้นเป็นเรื่องของเงินสด ตามที่ชุดสืบสวนของนครบาลแถลงไป ซึ่งเป็นพยานหลักฐานสำคัญเกี่ยวกับเรื่องการจ้างวานฆ่า และคำซัดทอดต่างๆ ของพวกคนที่ถูกจับ ทั้งคนที่จัดหาอุปกรณ์และคนที่ขี่รถจักรยานยนต์ก็ซัดทอดไปยังภรรยาของผู้ตาย ดังนั้นพยานหลักฐานหนักแน่น ถือเป็นพยานหลักฐานที่มีความน่าเชื่อถือสูง นอกจากนี้ยังมีภาพจากกล้องวงจรปิดต่างๆ รวมถึงข้อมูลการใช้โทรศัพท์ของผู้ตาย และผู้ต้องหาแต่ละคน เมื่อนำมาคำนวณก็สอดคล้องกับคำให้การของพยาน จึงไปยื่นคำร้องต่อศาล เพื่อออกหมายจับ ซึ่งการที่ศาลจะออกหมายจับคดีพยายามจ้างวานฆ่าได้นั้น พยานหลักฐานต้องหนักแน่น และเพียงพอ เพราะมีโทษถึงจำคุกตลอดชีวิต คดีนี้เป็นการจ้างวานฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน 

ทนายเดชา กล่าวต่อว่า ซึ่งสาเหตุนั้น เข้าใจว่าผู้ตายนอกใจไปติดเด็กเอนฯ เด็กเล้าจ์และผู้ตายอาจจะเป็นคนพูดจาแรง โผงผาง ลักษณะเจ็บช้ำน้ำใจ คดีนี้คล้ายๆ กับบางส่วนในคดีของอดีตนักยิงปืนระดับชาติ จึงเก็บกดสะสม ซึ่งจากการสอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผู้ต้องหาให้การยอมรับสารภาพว่ามีการว่าจ้างจริง ซึ่งตอนนี้กำลังขยายผลอยู่ โดยค่าจ้างประมาณ 300,000 -500,000 บาท ซึ่งพรุ่งนี้ (4 มิ.ย.) เวลา 10.30 น. ทางญาติจะไปยืนการคัดคาดการประกันตัวที่ สน.วังทองหลาง และ ศาลอาญา รัชดา

ครอบครัวเสี่ยต้น

ด้านหลวงพ่อวสันต์ กลีบจินดา พ่อของ เสี่ยต้น กล่าวทั้งน้ำตาว่า อาตมาก็พอใจ และขอบคุณผู้ที่รักษากฎหมายด้วยความเที่ยงตรง สิ่งไหนผิดก็ว่ากันไปตามผิด เพราะตนบวชแล้ว สิ่งนี้ขอให้กรรมเป็นผู้ตัดสิน เพราะทุกคนหนีไม่พ้น ตอนที่รู้ข่าวว่าลูกชายเสียชีวิต รู้สึกใจหาย เพราะเพิ่งไปส่งที่สนามบิน เมื่อวันที่เขาจะเดินทางไป จ.มหาสารคาม ไม่คิดว่าลูกจะไปไวขนาดนี้ เพราะเช้ามาแม่เขาโทรมาบอกตนตายแล้ว พูดไม่ออกเลย 

“ทำไมมันตายไวจัง อายุเพิ่งจะ 45 เอง ตนได้ลูกคนนี้แหละที่เข้ามาช่วยดูแล เขาเป็นคนดีทำบุญอะไรเขาก็ไม่เคยขัด และอีกอย่างเป็นคนที่ไม่ค่อยอยากมีปัญหากับใคร ขนาดไปโดนทำร้ายที่พัทยา โดนฟันมาก็ยังไม่เอาเรื่อง ตนก็คิดว่าน่าจะเป็นกรรมของเขาที่เคยสร้างมา จึงต้องมาเจอกัน มันก็เลยเกิดปัญหาแบบนี้ขึ้นมา” 

หลวงพ่อวสันต์ กล่าวต่อว่า ช่วงที่ผ่านมา ตนเคยถามว่าทำไมไม่ไปร้าน ซึ่งเขาก็ไม่ได้บอกสาเหตุ แต่ผ่านมา 2-3 วัน เขาก็ถูกยิง ตนก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ตอนไปหาเขาช่วงหลังก็ไม่เคยเจอภรรยาของเขา เพราะเมื่อภรรยาเขาก็รู้ว่าตนไป ก็ไม่ออกมาหาตน ที่ผ่านมาต้นเป็นคนรักเมีย และไม่อยากให้หลวงพ่อมีความกังวล ซึ่งเรื่องการถูกลอบยิง ก็คิดได้อย่างเดียวว่าคนที่เขารักเป็นคนทำ ตนก็คิดมาตลอดก่อนที่ตำรวจจะรวบตัวผู้ ตนคิดอยู่ในใจ ตั้งแต่ไปงานศพ จ.มหาสารคาม ก็คิดว่าโดนยาแน่ ส่วนเรื่องลอบยิงก็คิดว่าเป็นคนใกล้ชิดแน่นอน เพราะมันไม่มีสาเหตุอื่น ที่ผ่านมาตนเคยทัดทานแล้วว่าให้เอาตำรวจไปด้วย เขาก็ไม่เอาจนมาทราบข่าวว่าตายแล้ว 

ครอบครัวเสี่ยต้น

ด้าน น.ส.ปภาพินท์​ กลีบจินดา ​แม่ของเสี่ยต้น กล่าวว่า ขอบคุณทุกหน่วยงาน ขอบคุณตำรวจมากๆ ที่ช่วยเหลือครอบครัวของตน ซึ่งตนอยากเจอหน้าลูกสะใภ้ อยากถามว่า “มดทำไมทำกับลูกแม่ได้ถึงขนาดนี้ เงินทองสมบัติอะไร มดก็ไปหมดแล้ว ทำไมต้องมาเอาชีวิตเขาไปอีก ไม่พอหรือไงสมบัติ ถึงเอาชีวิตเขาไป แม่ก็ขาดเสาหลักไปอีกคนหนึ่ง พ่อกับแม่ก็ลำบาก” 

เมื่อถามว่า มองว่าหลักฐานที่ตำรวจได้มา ตรงกับใจแม่ตั้งแต่แรกหรือไม่ แม่เสี่ยต้น บอกว่า ใช่ พ่อแม่ให้ความจริงทุกอย่าง ไม่มีบิด ไม่มีโกหก แม่ให้ความจริงหมด เมื่อถามว่า ที่ผ่านมา เสี่ยต้นเคยมาเล่าเรื่องครอบครัวให้ฟังหรือไม่ แม่เสี่ยต้น กล่าวว่า ไม่เคยเล่า เพราะลูกจะไม่ให้แม่รู้เลย เนื่องจากแม่เป็นคนขี้น้อยใจ เขาทะเลาะกันเคลียร์กันอยู่ แม่ยังไม่รู้ 

เมื่อถามว่า แม่คิดว่าเรื่องที่ลอบยิง กับเรื่องที่ จ.มหาสารคามเป็นเรื่องเดียวกันหรือไม่ แม่เสี่ยต้น ตอบว่า แน่นอน น่าจะเป็นเรื่องเดียวกัน เพราะเขาอาจจะฆ่าที่นี่ไม่สำเร็จ ก็เลยไปเอาวิธีที่นู่น เชื่อว่าเป็นคดีเดียวกัน เมื่อถามว่า เจตนาเขาาต้องการเอาชีวิตเพื่ออะไร แม่เสี่ยต้น กล่าวว่า ตนก็ไม่ทราบ เพราะไม่รู้ตื้นลึกหนาบางของลูกว่าเขาทะเลาะกันอย่างไร เมื่อถามว่า เป็นเรื่องบุคคลที่สาม หรือทรัพย์สินกันแน่ แม่เสี่ยต้น กล่าวว่า ตนก็ไม่ทราบเหมือนกัน เพราะตนไม่ค่อยรู้เรื่องครอบครัวของเขา  

เมื่อถามว่า คิดว่าเรื่องทรัพย์สินเป็นมูลเหตุในการคิดการใหญ่ครั้งนี้หรือไม่ แม่เสี่ยต้น กล่าวว่า น่าจะเกี่ยวกับเรื่องเงินๆทองๆ ที่ผ่านมาผัวเมียเขาก็ไปไหนมาไหนด้วยกันเขาก็ดี แต่ช่วงหลังตอนเลี้ยงตลอดเลยไม่รู้อะไร 

อีกทั้งเชื่อว่า ลูกของตนเสียชีวิตผิดปกติ ไม่ใช่ธรรมชาติ เพราะเผาศพมาเยอะ ไม่เคยเจอศพดำแบบนี้ 

เมื่อถามว่า แม่อยากบอกอะไรกับเสี่ยต้น หากเสี่ยต้นรับรู้ได้ แม่เสี่ยต้น กล่าวว่า “แม่คงไม่ต้องบอก แต่ต้นอาจจะรับรู้แล้ว” 

ด้าน น.ส.ณัฐปภัษร์ ธนภัคนันท์หิรัญ หรือ เจ น้องสาวของเสี่ยต้น กล่าวว่า เมื่อรู้ว่าพี่ต้นถูกยิงก็หาข้อมูล จนรู้ว่าพี่ต้นแยกกันอยู่กับภรรยา เพราะตั้งแต่ตอนแรกก็สงสัยว่าเป็นภรรยาของเขาหรือไม่ ตอนมาทราบข่าวว่าพี่ต้นเสียชีวิต ตนก็ช็อกไปเลย เพราะเพิ่งส่งพี่ต้นไป จ.มหาสารคามเมื่อวาน ทำไมถึงเสียชีวิต เชื่อว่ามีคนทำแน่นอน จึงโกรธแค้นมากๆ เลยต้องหาให้ได้ว่าใครเป็นคนทำ 

เมื่อถามว่า ทำไมถึงพุ่งเป้าไปที่คนใกล้ชิดของเสี่ยต้น น.ส.ณัฐปภัษร์ กล่าวว่า ตนหาข้อมูลในโซเชียล มีข้อมูลแปลกมาก ในวันที่เสี่ยต้นตาย ตนจึงตัดสินใจไม่ไปงานศพ เพราะกลัวทำผิดกฎหมาย จึงเริ่มหาข้อมูลจากญาติทุกคนว่าเจออะไรแปลกๆบ้าง ตนก็รวบรวม ซึ่งก็มีคนคัดค้านบ้างว่ามันเป็นเรื่องอันตราย และเป็นคดีอาญา ตนตัดสินใจทำ  เพราะถ้าไม่ทำ ก็ไม่มีใครทำให้พี่ต้นเลย 

ส่วนเรื่องจุดแตกหักของพี่ต้น และภรรยา คือที่รับทราบมาต่างคนต่างก็มีกิ๊ก แล้วตนก็ส่งข้อมูลให้ตำรวจแล้ว และตำรวจสามารถสืบทราบได้ รอตำรวจแถลงผลตรงนี้ดีกว่า  ซึ่งในฝั่งของเสี่ยต้น ไม่มีการพาใครเข้าบ้าน แต่เป็นการไปนั่งกินดื่มเหล้ากันมากกว่า เป็นลักษณะของเด็กบาร์ ส่วนฝ่ายพี่สะใภ้ได้รับทราบข้อมูลและส่งข้อมูลให้ตำรวจแล้ว ส่วนสาเหตุการจ้างวานฆ่า ตนคิดว่าหลายสาเหตุ ตั้งแต่ เสี่ยต้นเสียชีวิต ตนก็เก็บข้อมูลทั้งหมดและส่งให้ตำรวจทั้งหมด 

นอกจากนี้ หลวงพ่อยังแจงปมเงิน 2 ล้านบาท ยืนยันว่า เป็นข้อเสนอจากภรรยาของลูกชายที่บอกว่า ถ้าไม่นำศพไปผ่า ก็อาจจะได้เงินประกัน 16 ล้านบาทบ้าง และจะแบ่งให้ครอบครัว 2-3 ล้านบาท แต่จากนั้นบอกไปว่าไม่ได้เงิน และไม่ต้องการเงินก้อนนี้ เพราะอยู่ที่วัด แต่บอกว่าให้ยกคอนโดมิเนียมที่แม่อาศัยอยู่ และสร้างกุฎิให้ 1 หลัง แต่ตอนนั้นไม่ได้เชื่อว่าจะได้อะไร แค่รับฟังไว้เท่านั้น เพราะได้ยินเขาพูดกับคนอื่นว่าเขาจะไม่ให้อะไรเราเลย 

ด้าน น.ส.หมวย เพื่อนสนิทของ น.ส.มดและเสี่ยต้น กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวไม่สามารถทำคนเดียวได้ คนผิดไม่ได้มีแค่นี้แน่นอน เชื่อว่ามีคู่คิดทั้งผู้หญิงและผู้ชาย แต่ตัวละครสำคัญตนขอไปให้การกับตำรวจและขอรอดูหลักฐานก่อน 

ส่วนนิสัยใจคอของ น.ส.มด คิดว่าไม่กล้าทำเรื่องนี้คนเดียว เพราะจากที่รู้จักกันมาตนไม่คิดว่า เขาจะเป็นแบบนี้ จึงคิดว่าต้องมีคนยุยง และเป็นคนที่สนิทใกล้ตัวกับ น.ส.มดมากพอที่จะมีอิทธิพลต่อความคิด เพราะตัวของ น.ส.มดเป็นคนไม่ได้รู้จักใครมากมาย เป็นผู้หญิงแต่ทำงาน เรื่องที่เกี่ยวกับอะไรที่ไม่ดี มักจะไม่ค่อยยุ่ง 

ส่วนการวางแผนเพื่อประสงค์ในเรื่องใดนั้น เสี่ยต้นเคยบอกว่า ถ้าตายไม่ห่วงแล้ว เพราะทำประกันไว้วงเงิน 16 ล้านบาท จากนั้นตนได้โทรหา น.ส.มดเพื่อสอบถามเรื่องเงินประกันกลับบอกว่าไม่มีหรอก เงินที่เหลือเวียนมาใช้ไปหมดแล้ว จากนั้นจึงสืบไปที่บริษัทประกัน ก็พบว่ามีเงินจำนวนนี้อยู่จริง จึงสงสัยว่า น.ส.มดโกหกทำไม เพราะตนทั้งรักทั้งไว้ใจ ทำไมถึงโกหกเรื่องเงิน 

ส่วนชนวนเหตุที่ 2 คนแตกหักกัน ตนทราบว่าที่ น.ส.มดโพสต์ว่าทำอะไรคนเดียว ไปพบเสี่ยต้นที่ร้านคาราโอเกะ พร้อมกับเด็กในร้านเหล้า จึงมีการสอบถามกัน จากนั้นไม่นานเสี่ยต้นก็โดนยิง และเสี่ยต้นก็บอกกับตนเองว่า "สงสัยเป็นคนใกล้ชิดจ้างวานยิง" แต่ตนไม่ขอเปิดเผยชื่อ ขอให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนเป็นคนใกล้ชิดที่ถูกควบคุมตัวในขณะนี้หรือไม่ ขอให้รอการสอบสวนจากทางเจ้าหน้าที่

 

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส