“หนุ่ม กะลา” ขอพึ่งทางธรรม ช็อกและผิดหวังหลังโดนยักยอกเงินกว่า 66 ล้าน ตัดใจสินขอบวช 15 มิ.ย.นี้
เป็นอีกหนึ่งประเด็นร้อนที่ทำเอาชาวโซเชียลหันมาให้ความสนใจกันเป็นจำนวนมาก เมื่อทางเพจเฟซบุ๊ก "ทนายคลายทุกข์" ของ "ทนายเดชา" ออกมาโพสต์ภาพถ่ายคู่กับนักร้องดังอย่าง "หนุ่ม กะลา" ที่เข้ามาปรึกษาเรื่องสำคัญ
เนื่องจากโดนคนใกล้ตัวยักยอกทรัพย์สิน เป็นจำนวนกว่า 66 ล้านบาท
ทางทีมข่าวอมรินทร์ทีวี มีโอกาสได้มาสอบถามถึงประเด็นดังกล่าว ทางด้านของทนายเดชา เล่าให้เราฟังว่า เรื่องมันเริ่มมาจาก "หนุ่ม กะลา" ที่มาในนามของหุ้นส่วน ผจก. ของ หจก.ทองบริบูรณ์365 มายื่นฟ้องบุคคลจำนวน 2 คน คือบุคคลใกล้ตัว 1 คนและคนสนิท (คนเดินบัญชี) 1 คน (ขออนุญาตไม่เอ่ยชื่อ) ที่เคยมอบหมายให้ดูแลกิจการ แต่มาพบว่ามีการถอนเงินบริษัทไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตัว และโอนเงินไปเข้าบัญชีส่วนตัว (ทั้งหมด 2 กรณี) โดยคำกล่าวทุกอย่างมาพร้อมกับหลักฐาน statement เราจึงได้มีการตรวจสอบและทราบว่าเป็น "การทุจริตจริง"
โดยมีการโอนเงินไปจำนวนทั้งหมด 452 ครั้ง รวมเป็นเงิน 66,359,957 บาท
ซึ่งในกรณีนี้ ทางทนายเดชา ขอย้ำให้ชัดเจนว่า "ทรัพย์สินทั้งหมดที่ถูกยักยอกเป็นทรัพย์สินของห้างไม่ใช่ของสามี" คดีนี้จึงถือเป็นการทุจริตอย่างแท้จริง มีทั้งหลักฐานและพยานครบถ้วน จึงได้มีการเกิดการฟ้องกันเกิดขึ้น เพราะหากไม่มีหลักฐานการฟ้องจะถือเป็นการฟ้องเท็จ และจะโดนฟ้องกลับได้ โดยหลักฐานต่างๆทาง "หนุ่ม กะลา" รวมรวมมาได้จากคดีฟ้องชู้ก่อนหน้านี้ จึงได้มีการนำมาตรวจสอบพบว่า ทุจริตมายาวนานกว่า 9 ปี
โดยทางทนายเดชาเองเผยว่า ด้านของ "หนุ่ม กะลา" ก็มีอาการช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บวกกับเสียใจ จากการโดนทุจริตจากคนที่ไว้ใจ ซึ่งเงินดังกล่าว เป็นเงินที่ทำมาหากินเก็บออมมาทั้งชีวิต จนตอนนี้ทางด้านของ "พี่หนุ่ม" เองคาดว่าผิดหวังหนัก เพราะเจ้าตัวจะตัดสินใจบวชที่วัดบวร (วันที่ 15 มิถุนายนนี้)
ในส่วนของทางด้านฝั่งคู่กรณี ล่าสุดได้มีการทราบมาว่าทาง "ทนายชายพัฒน์" ทนายความของฝั่งคู่กรณี เผยว่า "ขอไม่ตอบรายละเอียดใดๆ ขอให้ทางทนายเดชา พูดไปก่อนเลย" ซึ่งทางทนายเดชาเผยว่า ตนได้รับมอบหมายมาจากลูกความให้พูดได้เต็มที่ เพราะฉะนั้นก็จะพูดให้เต็มที่ ส่วนเขาจะพูดหรือไม่พูดก็เรื่องของเขา เหตุทั้งหมดที่เราออกมาพูดวันนี้ เพราะมันมีข่าวออกในโซเชียลว่าเราไปฟ้องหรือกลั่นแกล้งเขา ข้อหายักยอก (ไปนอกใจเมียแล้วยังไปฟ้องเขาอีก) ซึ่งมันเป็นข่าวที่บิดเบือน เลยจำเป็นต้องออกมาพูดเพื่อชี้แจงในกรณีนี้ และย้ำทิ้งท้ายว่า การทุจริตยักยอกเงินของห้าง กับการนอกใจมันคนละเรื่อง ควรต้องแยกแยะให้ได้อย่าเอามาปนกัน และให้รอเฝ้าดูคำพิพากษาของคดีนี้ต่อไป