เปิดภาพเรือขนน้ำมันเถื่อน 3 ลำ ถึงท่าเทียบเรือสงขลาแล้ว พร้อมลูกเรือ 8 คน ส่วนน้ำมัน 3 แสนลิตร พบว่า 1 ใน 3 ลำ เหลือน้ำมันก้นถัง
หลังจากเมื่อเวลา 15.30 น.วันที่ 17 มิ.ย. 67 พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมด้วย พล.ต.ต.พฤทธิพงศ์ นุชนารถ ผู้บังคับการตำรวจน้ำ (ผบก.รน.) พล.ต.ต.เชาวลิต เลี้ยงสุพงศ์ ผบก.ภ.จว.สงขลา
ร่วมกันแถลงข่าว กรณียึดเรือน้ำมันเถื่อนของกลาง 3 ลำที่หายไป จากสะพานท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ จ.ชลบุรี ตั้งแต่วันที่ 11 มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยตำรวจใช้เวลา 5 วันในการติดตามเรือ
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยืนยันว่าไม่ได้นิ่งนอนใจในการดำเนินคดีกลุ่มผู้ต้องหา แต่ส่วนเสี่ยโจ้จะเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ ทางตำรวจสอบสวนกลาง ได้มีการเร่งสอบสวน เพื่อหาข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ ทั้งนี้ไม่ปฏิเสธว่าเรื่องนี้จะมีตำรวจเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ ต้องรอการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเสียก่อน และการที่ผู้ต้องหาทำแบบนี้ถือว่าเป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามตำรวจ และตำรวจก็จะเร่งไล่ล่าตัวผู้ต้องหาให้ถึงที่สุด ส่วนลูกเรือที่เหลือเราจะดำเนินการจับกุมให้ได้ทั้งหมดไม่ให้รอดสักคนหนึ่ง
ส่วนที่เรือได้หายไป 3-4 วันนั้น มีตำรวจเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ ในประเด็นนี้ได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และขอให้เชื่อมั่นในการทำงานของตำรวจ เพราะตอนนี้ดำเนินการอย่างเต็มที่ ทั้งด้านการจับกุมและติดตามคดี ไม่ปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปอย่างแน่นอน
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวต่อว่า ในส่วนกรณีที่ของกลางได้สูญหายในขณะนี้ ยืนยันว่าจะดำเนินคดีทุกข้อกล่าวหา หากพบว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำความผิดรวมทั้งละเมิด ส่วนน้ำมันจะหายไปมากน้อยเพียงใด ขณะนี้ยังไม่สามารถชี้ชัดได้ ต้องรอการพิสูจน์ทราบจากกองพิสูจน์หลักฐานก่อน
ขณะที่ พล.ต.ต.พฤทธิพงศ์ เปิดเผยไทม์ไลน์เหตุการณ์ครั้งนี้ว่า นับตั้งแต่เรือถูกจับมา และยึดเป็นของกลาง กระทั่งหายไปและมีการตรวจพบเมื่อวานนี้ เริ่มจากวันที่ 17 มี.ค. จับน้ำมันเถื่อนไว้ที่สัตหีบ วันที่ 19 มี.ค. บก.ปอศ. ทำหนังสือให้ดูแล ของกลางต่อ วันที่ 11 มิ.ย. คนร้าย ฉวยโอกาส เอาเรือของกลางไป เดินทางถึงกัมพูชา วันที่ 12 มิ.ย. เย็นถึงค่ำ เอาไปหลบซ่อน มีการเปลี่ยนสีเรือ รูปพรรณสัณฐานเรือ ทาสีเก๋งเรือ พื้นเรือ เรือกำไรเงินจากแดงเป็นสีเขียว และพยายามจะดัดแปลงทุกลำ แต่รีบหนีเจ้าหน้าที่เลยเสร็จไปเพียงลำเดียว เชื่อว่าต้องการเอาเรือกลับไปใช้ใหม่ และเอาน้ำมันของกลางไปขายที่กัมพูชา ที่แน่ชัดคือ ปริมาณน้ำมันขณะนี้เหลือไม่เท่ากับ ตอนยึดมา
จากนั้นวันที่ 13 มิ.ย.ตำรวจน้ำมีการประสานประเทศเพื่อนบ้านทุกประเทศ กัมพูชา เวียดนาม มาเลเซีย ตรวจดูเรือต้องสงสัย เชื่อว่ากลุ่มผู้ต้องรู้ว่าตำรวจเริ่มตรวจหา เลยเอาเรือออกจากฝั่ง โดยผู้ต้องหาส่วนหนึ่งหนีอยู่บนฝั่ง ส่วนหนึ่งบนเรือ เพราะลงเรือหนีพร้อมกันไม่ทัน ทราบว่าผู้ต้องหามีการสับเปลี่ยนไปพักผ่อนโดยจอด เรือนิ่งๆ ไม่เคลื่อนให้ผิดสังเกต จนกระทั่งตำรวจเริ่มมีการกดดันในพื้นที่ ผู้ต้องหาจึงนำเรือออกจากท่าที่ประเทศกัมพูชา เข้าพื้นที่ EEZ เขตเศรษฐกิจจำเพาะ มาเลเซีย เพราะผู้ต้องหาชำนาญเส้นทางนี้ ทำให้ตีกรอบการตรวจค้นได้แคบ ประกอบกับชุดทหารเรือช่วยค้นหาโดยใช้ดาวเทียมและสื่อสารขอความร่วมมือจากภาคีเครือข่ายประมง คอยช่วยแจ้ง เบาะแส
กระทั่งวันที่ 16 มิ.ย.ช่วงเวลา 06.00 น. รับแจ้งจากภาคีเครือข่าย พบเรือรูปพรรณตรงกัน ห่างจากทะเลสงขลา 90 ไมล์ทะเล จึงใช้ตำรวจน้ำ 3 ลำไปพิสูจน์ กระทั่งเวลา15.00 ชัดเจนว่าใช่เรือของกลาง 3 ลำ และชื่อ - นามสกุลผู้ต้องหาตรงกัน มีลูกเรือ 8 คน ประกอบด้วย เรือกำไรเงิน 3 คน เรือเจพี 4 คน และเรือดาวรุ่ง 1 คน ที่เป็นคนดูแลเรือดังกล่าว เนื่องจากขณะนั้นเรือเสีย ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือ คาดหลบหนีต่อ โดยขณะที่เข้าจับพบว่าเรือกำลังแล่นอยู่กลางทะเล แต่มีเรือชื่อดาวรุ่งเครื่องเสีย ทำให้ไปไหนต่อไม่ได้
ส่วนเป้าประสงค์ของกลุ่มผู้ต้องหา ตำรวจเชื่อว่าหวังทั้งเรื่องของน้ำมันของกลางและเรือ เนื่องจากน้ำมันมีมูลค่า 3-4 ล้านบาท ส่วนเรือมีมูลค่ามากถึง 20 ล้าน จึงเป็นเหตุผลที่ผู้ต้องหาพยายามดัดแปลงเรือของกลางจากเดิม เพื่อนำมาใช้ใหม่ ส่วนประเด็นที่ เรือของกลาง พบอยู่ในพื้นที่ของปัตตานี เนื่องจากว่าจุดดังกล่าวเป็นพื้นที่ของกลุ่มผู้มีอิทธิพลที่ลักลอบขายน้ำมันเถื่อน ผู้ต้องหาจึงนำเรือออกจากพื้นที่สัตหีบ และมุ่งหน้ามายังบริเวณดังกล่าว ส่วนจะมีความเชื่อมโยงกับทุกคนที่ชื่อโจ้ ซึ่งปรากฏเป็นข่าวว่ามีความเชื่อมโยงกันนั้นหรือไม่ อยู่ระหว่างการตรวจสอบ
ด้าน พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผกก.2 บก.ป. ระบุว่า เรือของกลาง 5 ลำ ที่ถูกจับครั้งแรก มีผู้ต้องหาทั้งหมด 28 คน จากการสืบสวนพบว่า มีนายทุนสองกลุ่มที่เชื่อมโยงกัน ส่วนจะเป็นนายหนุ่ม ระยอง หรือ โจ้ ปัตตานี รายละเอียดยังต้องรอการสืบสวนและยังไม่ขอเปิดเผย
ล่าสุดเมื่อเวลาประมาณ 19.35 น. เรือของกลางทั้ง 3 ลำเข้าเทียบที่ท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสงขลา เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และทีมงานอยู่ระหว่างตรวจสอบ
เบื้องต้นพบว่ามีลูกเรือทั้งหมด 8 คน แบ่งเป็นบนเรือกำไรเงิน มีลูกเรือ 3 คน หมา 2 ตัว ,เรือเจซี มีลูกเรือ 4 คน หมา 1 ตัว และเรือดาวรุ่ง มีลูกเรือ 1 คน และหมาอีกหลายตัว
โดยพบว่า เรือกำไรเงินมีน้ำมันเหลืออยู่เพียงก้นถัง ยังระบุไม่ได้ว่ากี่ลิตร ส่วนเรือลำอื่นๆอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าน้ำมันเหลือมากน้อยแค่ไหน
Advertisement