ครอบครัวน้องอลิส วัย 3 ขวบ พร้อมเจรจา กับ อบต.พรุ่งนี้ จี้ครู 3 คนเปิดไทม์ไลน์ให้ละเอียดช่วงเกิดเหตุใครทำอะไร อยู่ที่ไหน
จากกรณีเกิดเหตุน้องอลิส วัย 3 ขวบ หายออกไปจากศูนย์อบรมเด็กก่อนเกณฑ์ วัดค้อทอง ตำบลคอนกาม อำเภอยางชุมน้อย จังหวัดศรีสะเกษ ก่อนพบเป็นศพจมน้ำเสียชีวิตในสระน้ำ เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน ที่ผ่านมา คดีนี้ผ่านไปเกือบ 2 สัปดาห์ ตำรวจฝ่ายสืบสวนสภ.ยางชุมน้อย และตำรวจฝ่ายสืบสวนภูธรจังหวัดศรีสะเกษ ยังอยู่ระหว่างเร่งหาพยานหลักฐานคลี่คลายคดี ในขณะที่ครอบครัวและญาติๆน้องวัย 3 ขวบ ยังเชื่อว่าน้องไม่ได้เดินไปจมน้ำตายเองแน่นอน
วันนี้ (26 มิ.ย.67) ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางทองทิพย์ เเละ นางสาวพุทธมาลย์ ย่าและแม่ของน้องวัย 3 ขวบ ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าว ว่าตั้งแต่กัน จอมพลัง เข้ามาเป็นตัวกลางช่วยเหลือ ครอบครัวก็สบายใจขึ้น เพราะทุกอย่างเริ่มชัดเจน และทางตำรวจเองก็ทำงานจริงจังมากขึ้น โดยวันนี้มีกระแสข่าวว่าผลชันสูตรครั้งที่ 2 จากโรงพยาบาลตำรวจจะประกาศออกมา ซึ่งย่าและแม่บอกว่า หากผลการชันสูตรว่าน้ำในปอดเป็นน้ำประปา ซึ่งจะตรงตามที่ครอบครัวคาดการณ์ไว้ตั้งแต่แรก ก็มั่นใจว่าน้องน่าจะเสียชีวิตในห้องน้ำและมีคนนำศพไปทิ้ง
แต่หากผลชันสูตรพบว่าน้ำในปอด เป็นน้ำที่อยู่ในบ่อน้ำที่พบศพ ซึ่งนั่นหมายความว่าน้องเสียชีวิตที่บ่อ ตนเองก็ยังปักใจเชื่อว่าน้องไม่สามารถเดินไปเองอย่างเเน่นอน ก็อยากให้นำตัวคนร้ายมาดำเนินคดี เเต่ถ้าตำรวจจะสรุปสำนวนว่าน้องเดินไปตายเอง ก็อยากให้ตำรวจบอกข้อมูล ทั้งพยาน - หลักฐาน อย่างละเอียด ว่าเดินไปเองได้อย่างไร หากข้อมูลน่าเชื่อถือได้ครอบครัวก็ปักใจเชื่อ
ซึ่งในวันนี้เดิมทีมีการนัดเจรจาระหว่าง อบต. และครอบครัว แต่ทางครอบครัวยังไม่พร้อม จึงเลื่อนเป็นวันพรุ่งนี้ ที่ สภ.ยางชุมน้อย ซึ่งครอบครัวจะต้องมีการ ปรึกษากันอย่างละเอียด ให้มีน้ำหนักในการเจรจา เพราะถือว่าฝั่งของ อบต.เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ อาจมีข้อมูลและแนวทางการต่อรองที่เหนือกว่า
และทางแม่ ยังบอกว่า ตอนนี้พร้อมที่จะเจรจาและเผชิญหน้ากับครูทั้ง 3 คน อยากให้เข้ามาพูดคุย เรื่องของไทม์ไลน์ของแต่ละคนเป็นหลัก ซึ่งที่ผ่านมาในงานศพ ครูทั้ง 3 คน แค่มาร่วมงาน แต่ไม่มีใครเข้ามาพูดคุย ถึงเรื่องราวในวันเกิดเหตุอย่างละเอียด
ส่วนประเด็นที่ครอบครัวไปถามหมอดูตามที่ต่างๆ ซึ่งทางหมอดูก็ทำนายทายทัก ว่าอาจจะเป็นผู้หญิง และนิสัยโมโหร้าย ที่เป็นคนทำร้ายน้องจนเสียชีวิต ถามว่าเชื่อถือได้หรือไม่ ย่าและแม่บอกว่าที่ทำไป เพราะความสบายใจของครอบครัวเท่านั้น ไม่ได้เชื่อทั้งหมด เเต่ยัง 50 : 50 ตอนนี้ครอบครัวให้น้ำหนัก ไปที่การทำงานของตำรวจเป็นหลัก
ส่วนที่ทางนายก อบต. บอกว่าจะมีการเริ่มปรับปรุงศูนย์เด็กเล็กและติดตั้งกล้องวงจรปิด คุณย่าบอกว่า หากหลานของตนไม่ตาย ก็คงไม่มีการแก้ไขเกิดขึ้น เป็นการแก้ปัญหาแบบ “วัวหายล้อมคอก” ซึ่งควรจะปรับปรุงมาตั้งนานแล้ว จึงอยากจะให้ทาง อบต.ปรับปรุงให้เป็นมาตรฐาน จะได้ไม่เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยกับบุตรหลานคนอื่นอีก.
Advertisement