ดราหน้ายัน California University มีจริง การันตี หมอเกศจบดอกเตอร์ เผยจ่อฟ้อง 2 นักรู้ 1 นักหิวแสง ขณะที่ หมอเกศหลบหน้าสื่อ อ้างป่วยหนัก
เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 12 ก.ค. 67 ที่สำนักงานทนายคลายทุกข์ นาย เดชา กิตติวิทยานันท์ หรือ ทนายเดชา ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ พร้อมด้วย ผศ.ดร.สุขุมพงศ์ ชาญนุวงศ์ อุปนายกสมาคมนิติธรรมหรรษา (ประเทศไทย) ซึ่งเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของ น.ส.เกศกมล เปลี่ยนสมัย หรือ หมอเกศ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) สมัยเรียนปริญญาโท และเป็นประธานสอบวิทยานิพนธ์ และ ดร.ณัฐวัชร จันทโรธรณ์ อดีตผู้สมัครสว. และเป็นที่ปรึกษาหมอเกศ ร่วมกันแถลงข่าว ถึงกรณีที่มีอ้างว่าวุฒิการศึกษาของหมอเกศ และสถานะของ California University หรือ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ที่กำลังมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในขณะนี้
โดยช่วงแรกมีการแจ้งผู้สื่อข่าวว่า หมอเกศจะมาร่วมแถลงข่าวด้วย แต่เมื่อถึงเวลานัดหมาย ทนายเดชา แจ้งว่า หมอเกศเดินทางมาแล้ว ขณะนี้อยู่บริเวณชั้น 3 แต่มีอาการป่วยหนัก ป่วยโทรม ตอนแรกตั้งใจจะมานั่งร่วมแถลงข่าวด้วย แต่ว่าสุขภาพไม่ไหว ทั้งทัวร์ลงทั้งอะไรอีกก็บอบช้ำตั้งแต่เช้า เท่าที่ตนได้พูดคุยก็แย่
ทั้งนี้ ผศ.ดร.สุขุมพงศ์ กล่าวยืนยันว่า California University มีการจดทะเบียนกับกระทรวงศึกษาธิการของสหรัฐอเมริกาจริง และมีหนังสือรับรอง ซึ่งเป็นสถาบันประเมินวุฒิการศึกษา หรือประเมินเกรด เพื่อจะมอบปริญญาตรี โท เอก เทียบเท่าปริญญาของสหรัฐอเมริกา และมอบตำแหน่งทางวิชาการให้ด้วย ที่บอกว่ามหาวิทยาลัยไม่ได้จดทะเบียนนั้นไม่จริง และมหาวิทยาลัยนี้ไม่ได้ตั้งอยู่ประเทศฟิลิปปินส์
รวมทั้งยังมีเอกสารรับรองสถาบันจากกระทรวงศึกษาธิการของสหรัฐอเมริกาโดยตรง โดยไม่ผ่านสมาคมในสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีสิทธิในกาประเมินใบปริญญาและเทียบเท่า จากกระทรวงศึกษาธิการโดยตรง โดยไม่ผ่านสมาคม หากเราไม่ค้นชื่อในสมาคมทั่วไปก็จะไม่เจอ เพราะต้องไปค้นในกระทรวงศึกษาธิการของสหรัฐอเมริกา
ผศ.ดร.สุขุมพงศ์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ California University ก่อตั้งมาตอนนี้ 22 ปีแล้ว ถ้าผิดกฎหมายคงถูกสั่งปิดไปแล้ว และหน้าเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยประกาศชัดเจนว่ารับรองโดยกระทรวงศึกษาธิการของสหรัฐอเมริกา ซึ่งสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่เจริญแล้ว ไม่สามารถเขียนคำนี้ได้ ไม่เช่นนั้นก็จะถูกสั่งปิดได้ ถ้าไม่ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย
รวมถึงมีหนังสือรับรองความถูกต้องทางกฎหมายในการออกใบปริญญาบัตรให้ทุกคน รวมถึงหมอเกดด้วย ซึ่งลงนามโดยเทศมณฑลนครรัฐลอสแองเจลีส และให้กระทรวงต่างประเทศทับตรา จึงจะนำไปใช้อ้างอิงได้
ผศ.ดร.สุขุมพงศ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ตนเคยเป็นอาจารย์ที่ให้คำปรึกษาเรื่องการทำวิจัยของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ และเคยทำเอกสารยืนยัน และชี้แจงถึงความถูกต้องของสถาบันต่อนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาในขณะนั้น เนื่องจากมีการอภิปรายพาดพิงตน และสถาบัน รวมถึงชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการ ป.ป.ช. ของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส เป็นประธานในสมัยนั้น และมีการบินไปสำรวจมหาวิทยาลัย ที่สหรัฐอเมริกา จนที่สุดยุติเรื่อง และ ไม่มีการสอบต่อ
ผศ.ดร.สุขุมพงศ์ กล่าวว่า ส่วนการใช้ ศาสตราจารย์นำหน้าชื่อนั้น ตนเชื่อว่าหมอเกศใช้ได้ เพราะไม่มีกฎหมายข้อใดบังคับว่าตำแหน่งทางวิชาการต้องได้ในประเทศไทยเท่านั้น ส่วนประเด็นเรื่องวิทยานิพนธ์นั้น เป็นเรื่องส่วนตัวของหมอเกศว่าจะนำออกมาให้ดูได้หรือไม่
สำหรับเรื่องที่มีคนบุกไปดูสถานที่ตั้งมหาวิทยาลัยนั้น เป็นสำนักเก่า และเป็นตึกอธิการบดี แต่เขามีตึกสำนักงานใหม่อยู่ห่างจากจุดนั้น 60 กม. เป็นสำนักงานตึกสูงที่มีพื้นที่กว้างกว่า
ด้านทนายเดชา กล่าวว่า ทั้งนี้จากที่ได้คุยกับหมอเกศ และ ผศ.ดร.สุขุมพงศ์นั้นพบว่า ไม่มีอะไรที่เป็นเอกสารเท็จ มันเป็นเอกสารจริงหมด ดังนั้นจึงไม่มีคำว่าแจ้งความเท็จ ตอนนี้หมอเกศแจ้งว่า จะดำเนินคดีกับผู้รู้ 2 คน และเป็นพวกหิวแสง 1 คน รวม 3 คน
เรื่องนี้อะไรเสียหายเราก็จะฟ้องไป และไปต่อสู้กันในศาลจะได้นำสืบ ใครปลอมก็ติดคุก ใครที่ใส่ร้ายก็ติดคุก ส่วนเราจะฟ้องใครบ้างนั้น ตอนนี้เรามีอยู่ในใจแล้ว เป็นพวกที่มีการศึกษาสูงๆ นักวิชาการต่างๆ พวกเดินสายออกทีวีเราต้องเอาก่อน เพราะพวกนี้เป็นหัวโจกเวลาออกทีวีแล้วปากแจ๋ว จากนั้นก็เป็นพวกนักร้องที่ชัดเจน เรายืนยันว่าเป็นของจริง หากใครคิดว่าเป็นของปลอมก็ไปร้องให้ตรวสอบ ฟ้องศาล ฟ้องหมิ่นประมาทเรียกค่าเสียหาย เพื่อพิสูจน์กันในชั้นศาลต่อไป เพื่อให้ศาลตัดสิน ส่วนใครสงสัยหมอเกศ ทำปลอม ไม่ได้เรียน มีคนรับจ้างเขียน ก็ขอให้ไปแจ้งความดำเนินคดี
ขณะที่ ดร.ณัฐวัชร กล่าวถึงสภาพจิตใจหมอเกศตอนนี้ว่า ร่างกายหมอเกศช่วงนี้อ่อนแอ เพราะรับประทานอาหารไม่ได้ เครียด ตนก็บอกให้สู้ ความจริงก็ต้องต่อสู้ และยืนยันว่าหมอเกศยังไม่เคยมีการมาปรึกษาว่าถอดใจแล้วอยากจะลาออกจาก สว. เพียงแต่ว่าเวลาโดนบลูลี่เยอะๆ ตนก็บอกให้คนที่บลูลี่ส่งหลักฐานให้ตรวจสอบ หมอเกศโดนบลูลี่เยอะ ขอให้สังคมเห็นใจ